"ดิฉันและครอบครัวต้องกราบขอขอบพระคุณ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างมาก จะไม่ลืมพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่เมตตาช่วยเหลือครอบครัวเรา"บางส่วนของถ้อยคำที่ออกมาจากปาก "นางสิมารักษ์ ณ นครพนม" มารดาของ "ศิวรักษ์ ชุติพงษ์" วิศวกรไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุม ในข้อหา "การได้มาซึ่งข้อมูลลับ อันมีผลต่อความมั่นคงของชาติ" จากกรณีการจารกรรมข้อมูลการบินของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
สุ้มเสียงและเนื้อความดังกล่าว สะท้อนให้เห็นอารมณ์ "ห่วงใย" ของผู้เป็นแม่ ในขณะเดียวกันยังฉายภาพ "ความรู้สึกดีๆ" ที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ถ้อยคำต่างๆ ยังเป็นการเปิดทางให้ "ที่ปรึกษาสมเด็จฯฮุน เซน" ผู้นี้ ได้โชว์บท "ฮีโร่" ช่วยตัวประกันที่ถูกผู้ร้ายจับกุมคุมขังจากฝ่ายศัตรู โดยหนนี้ขอหนีบ "นอมินี" คนใหม่อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เจ้าของฉายา "พ่อใหญ่จิ๋ว" เป็นทัพหน้าคอยประสานให้การช่วยเหลือ
ในทางกลับกัน บทละครข้างต้นมีเนื้อหาไม่แตกต่างไปจากที่ "ฝ่ายความมั่นคง" ของ "รัฐบาล" ได้ประเมินในทางลับว่ามีการเขียนบทและกำหนดพล็อตเรื่องทั้งหมดเอาไว้ โดย "ฝ่ายตรงข้าม" ได้ประสานไปยัง "สมเด็จฯฮุน เซน" ผู้นำกัมพูชา ในฐานะเพื่อนเกลอ เพื่อขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกในการจัดฉาก เพื่อความสมจริง
จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้เห็น "แกนนำรัฐบาล" หลายคนออกอาการไม่ปล่อยให้ละครเรื่องนี้ มีตอนจบแบบ "แฮปปี้เอ็นดิ้ง" ...
เพราะอย่าลืมว่าในช่วงต้นเรื่อง "รัฐบาล" พร้อมด้วย "พรรคประชาธิปัตย์" ได้เขียนบท เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่า "คนทรยศชาติ" จนในที่สุดได้ใจประชาชน ทำคะแนนนำฝ่ายตรงข้ามไปหลายขุม
ดังนั้น มาถึงแมตช์ 2 เมื่อ "เกมชาตินิยม" ถูกฝ่ายตรงข้ามฉวยโอกาสจ้องงาบ "ถ้วยรางวัล" ไม่วายที่ "รัฐบาล" ในฐานะที่ตกเป็นรองจะอยู่เฉยได้ และหนทางที่จะเอาชนะได้คือ "เปิดหน้าไพ่" สู้ โดยเล่นตามสูตรเดิม คือแฉให้เห็น "ทาสแท้" ของอดีตนายกฯคนนี้ ว่าเป็นบุรุษชื่อใต้-ใจเขมร
กรณี พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว "ไทม์ส ออนไลน์" ในเชิงพาดพิง จาบจ้วงสถาบัน ที่ยังมีการพูดถึงความกระด้างกระเดื่องเรื่อง "ความจงรักภักดี" ของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างต่อเนื่อง...
และตบซ้ำด้วยการย้ำ "ความผิดพลาด" ที่เกิดจากปากของ ส.ส.เพื่อไทย โดยเฉพาะการพูดถึงการล่มสลายของ "ราชวงศ์โรมานอฟ" ของรัสเซีย หรือแม้กระทั้งการโยนความผิดเรื่อง "สภาล่ม" ให้กับ ส.ส.เพื่อไทย โดดประชุมโผล่เยี่ยม "นายใหญ่" ถึงแผ่นดินกัมพูชา ก็ยังช่วยโกยคะแนนนิยมให้ "รัฐบาล" ได้อย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อการเล่นเกมแลกหมัดยังมาไม่ถึง "ยกสุดท้าย" จึงเป็นจังหวะที่ "จตุพร พรหมพันธุ์" ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเอาคืน...
และการ "ปูด" ถึงหลักฐานลับซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ "กัมพูชา" จับกุมตัว "วิศวกรไทย" จากกรณีจารกรรมข้อมูลการบินของ "ทักษิณ" โดยการอ้างถึง "เทปบันทึกการสนทนา" ระหว่าง "กษิต ภิรมย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับเลขานุการเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา ในลักษณะสั่งการให้จัดหาและส่งตารางบินและกำหนดการต่างๆ ของ "ทักษิณ"
รวมทั้ง "เทปบันทึกการพูดคุย" ทางโทรศัพท์ระหว่างเลขานุการเอกอัครราชทูตไทยและ "ศิวรักษ์" เรื่องสั่งให้หาตารางบิน
ในขณะที่ "กษิต ภิรมย์" ออกอาการอยากฟังใจจะขาด และยังประกาศท้าให้เปิดคลิปเสียงดังกล่าว แถมยัง "เหน็บ" แกนนำเสื้อแดงคนนี้ด้วยว่า "รับใช้เขมรมาทำลาย"
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถูกพิสูจน์โดย "แกนนำพรรคประชาธิปัตย์" สาย "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เลขาธิการพรรค ที่ต่อสายตรงถึง "กษิต" และ "เลขาฯทูต" เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่แล้วสิ่งที่ได้คือ ทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการต่างปฏิเสธว่าไม่มีการต่อสายใดๆ
เชื่อได้หรือไม่? ไม่ทราบ...แต่ถ้าพิจารณา "หลักทางการทูต" มีความเป็นไปได้ที่ "รัฐมนตรี" จะต่อสายตรงถึง "เลขาฯทูต" แต่ส่วนใหญ่จะให้เป็นหน้าที่ "เลขานุการรัฐมนตรี" หรือ "ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ" ในการประสานขอความช่วยเหลือเรื่องต่างๆ
แต่หากเป็นเรื่อง "ผิดกฎหมาย" เช่นเดียวกับกรณีการจารกรรมข้อมูลตารางการบินของบุคคลใดนั้น หาก "รัฐมนตรี" ลงมือสั่งการเอง อาจเสี่ยงต่อการ "หลุดจากเก้าอี้" อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157
จึงมีความ "เป็นไปได้" แต่ "เป็นไปไม่ได้" ที่ "กษิต" จะยกหูถึง "เลขาธิการเอกอัครราชทูต"... แต่ก็มีคำถามต่อไปว่า คนอย่าง "กษิต" จะกล้าเสี่ยง ยอมแลกข้อมูลทางการบินของ "ทักษิณ" กับ "เก้าอี้รัฐมนตรี"?
เว้นเสียแต่ว่า ยังไม่ทิ้งคราบสีเหลือง... จองล้างจองผลาญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"
ที่มา ข่าวการเมือง ข่าวทักษิณ จาก มติชน
0 comments:
แสดงความคิดเห็น