ข่าวสด รายงานพิเศษ : พรรค ชาติไทยพัฒนาในฐานะเจ้าภาพหลักในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... เสร็จเรียบร้อย และได้แจกจ่ายให้พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อร่วมลงชื่อยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ในสัปดาห์นี้
โดยร่างดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
มาตรา 1 รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ..."
มาตรา 2 รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 94 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 94 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้ สมัครรับเลือกตั้งได้เขตละหนึ่งคน
การคำนวณจำนวนส.ส.ที่จะพึงมีได้ในแต่ละจังหวัดและการกำหนดเขตเลือกตั้ง ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ให้คำนวณเกณฑ์จำนวน ราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน โดยคำนวณจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุด ท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจำนวนส.ส. 400 คน
(2) จำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้นำจำนวนราษฎรต่อสมาชิก 1 คนที่คำนวณได้ตาม (1) มาเฉลี่ยจำนวนราษฎรในจังหวัดนั้น จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิก 1 คนตาม (1) ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 1 คน จังหวัดใดมีราษฎรเกินเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิก 1 คน ให้จังหวัดนั้นมีส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 1 คน ทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิก 1 คน
(3) เมื่อได้จำนวนส.ส.ของแต่ละจังหวัดตาม (2) แล้ว ถ้าจำนวนส.ส.ที่คำนวณได้ยังไม่ครบ 400 คน ให้จังหวัดที่มีเศษเหลือจากการคำนวณตาม (2) มากที่สุด มีส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 1 คน และให้เพิ่มจำนวนส.ส.ตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัดที่มีเศษเหลือจากการคำนวณ ตาม (2) ในลำดับรองลงมาตามลำดับจนได้จำนวนส.ส.ครบ 400 คน
(4) จังหวัดใดมีการเลือกตั้งส.ส.ได้ไม่เกิน 1 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีการเลือกตั้งส.ส.ได้เกิน 1 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง มีจำนวนส.ส.ที่พึงมี โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนส.ส. 1 คน
(5) จังหวัดใดมีการแบ่งเขตเลือกตั้งมากกว่า 1 เขต ต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน และต้องให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน
ให้ดำเนินการนับคะแนน ที่หน่วยเลือกตั้ง และให้ส่งผลการนับคะแนนของหน่วยเลือกตั้งนั้นไปรวมที่เขตเลือกตั้ง เพื่อนับคะแนนรวม แล้วให้ประกาศผลการนับคะแนนโดยเปิดเผย ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งแต่เพียงแห่งเดียวในเขตเลือกตั้งนั้นตามที่คณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด เว้นแต่เป็นกรณีที่มีความจำเป็นเฉพาะท้องที่ กกต.จะกำหนดให้นับคะแนน รวมผลการนับคะแนน และประกาศผลการนับคะแนนเป็นอย่างอื่นก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 103 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 103 พรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกเข้าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งแบบ แบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใด จะส่งได้คนเดียวในเขตเลือกตั้งนั้น
เมื่อ พรรคการเมืองใดส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองนั้นหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้น จะถอนการสมัครรับเลือกตั้งหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครรับเลือกตั้งมิได้"
มาตรา 5 ให้ส.ส.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ คงเป็นส.ส.ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ จนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎรหรือเมื่อมีการยุบสภา หรือเมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามมาตรา 106 แล้วแต่กรณี
บทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับกับการเลือกตั้งส.ส.นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป ครั้งแรกที่จะพึงมีขึ้น ภายหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
การเลือก ตั้งส.ส.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อแทนตำแหน่งที่ว่าง ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
มาตรา 6 ให้กกต.ดำเนินการจัดทำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ เพื่อเสนอต่อรัฐสภาพิจารณาต่อไป
ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพ .ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญตามวรรคหนึ่ง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว จากประธานกกต. ถ้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้เสนอร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้นต่อวุฒิสภา
ให้วุฒิสภา พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอตามวรรคสอง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้ รับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้นจากสภาผู้แทนราษฎร ถ้าวุฒิสภา พิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าวุฒิสภาได้ให้ความเห็นชอบในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
เมื่อ วุฒิสภาได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วและเห็นชอบด้วยกับสภา ผู้แทนราษฎร หรือกรณีที่วุฒิสภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายใน กำหนดเวลาตามวรรคสาม ให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา 141 และมาตรา 150
หาก วุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติม ให้ส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญตามที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นไปยังสภาผู้แทน ราษฎร ถ้าสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติม ให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา 141 และมาตรา 150 ถ้าเป็นกรณีอื่น ให้แต่ละสภาตั้งบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิกแห่งสภานั้นๆ มีจำนวนเท่ากันตาม ที่สภาผู้แทนราษฎรกำหนด ประกอบเป็นคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้คณะกรรมาธิการร่วมกันรายงานและเสนอร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการร่วมกันได้พิจารณาแล้วต่อสภาทั้งสองให้ แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่สภาทั้งสองได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันครบจำนวน
หาก สภาทั้งสองพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ดังกล่าวไม่แล้วเสร็จภายใน ระยะเวลากำหนดตามวรรคห้า หรือสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบด้วย ในกรณีนี้ให้ถือว่ารัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่กกต. ได้จัดทำตามวรรคหนึ่ง และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา 141 และมาตรา 150
การพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรานี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง
ในกรณีนอกสมัยประชุมรัฐสภาให้ประธาน รัฐสภานำความกราบบังคมทูลเพื่อให้มีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภา เป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
มาตรา 7 ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใดๆ ทำให้ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งส.ส. อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ก่อนที่จะมีการดำเนินการจัดทำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา 6 แล้วเสร็จ ให้นำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญนี้มาใช้บังคับกับการเลือกตั้งส.ส.โดยอนุโลม
มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในวรรคห้าของมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ให้ มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดประเภท ขั้นตอน และวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาตามวรรคสอง รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญา ดังกล่าว โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก การปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป"
เหตุผลที่ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... ต่อรัฐสภา และได้จัดทำบันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้
1.เหตุผลและความจำเป็นในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญ
การ เลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตละ 1 คน ได้ผ่านการศึกษา ถกเถียงกันทั้งในวงวิชาการและประชาพิจารณ์มานาน จนตกผลึกเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป และได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
การเลือกตั้งแบบแบ่ง เขตเลือกตั้งมากกว่าเขตละ 1 คน ทำให้ไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาคและหลักสากล ไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่หรือคนที่มีศักยภาพที่จะรับใช้ประชาชนได้อย่างดี แต่มีทุนทรัพย์น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น การหาเสียงในระบบเขตใหญ่ คนรวย คนมีเงิน หรือคนที่ไม่อยู่ใกล้ชิดประชาชนได้เปรียบ และเปิดโอกาสให้มีการใช้จ่ายเงินในการหาเสียงอย่างมาก แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็คุมไม่ได้
ท้ายที่สุดก็หลีกเลี่ยงปัญหาซื้อสิทธิขายเสียงมากกว่าการหาเสียงในเขตละคนไม่ได้
การ เลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้มากกว่าเขตละ 1 คน ทำให้ประชาธิปไตยของประเทศต้องย่ำอยู่กับที่ การดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านขาดประสิทธิภาพ ปัดหรือโยนความรับผิดชอบซึ่งกันและกันเมื่อประชาชนร้องทุกข์ตลอดเวลา ซึ่งต่างกับเขตเลือกตั้งเขตละ 1 คน ชาวบ้านรู้แน่ชัดว่าใครคือตัวแทนของเขา เพราะมีคนเดียว ท้ายที่สุดไม่สิ้นเปลืองงบประมาณในการเลือกตั้งซ่อม
ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 190 นั้นเพื่อให้รัฐสภาสามารถตรากฎหมายกำหนดรายละเอียด ประเภทหนังสือสัญญาได้
2.สาระสำคัญ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกอบด้วย 7 มาตรา
2.1 กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้เขตละ 1 คน และเปลี่ยนแปลงการกำหนดเขตเลือกตั้ง โดยจังหวัดใดมีส.ส. ได้ไม่เกิน 1 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
แต่ถ้าจังหวัดใดมีส.ส.ได้เกิน 1 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งมีจำนวนเท่าจำนวนส.ส.ที่พึงมี โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีส.ส. 1 คน
2.2 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การส่งสมาชิกเข้าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่ง เขตเลือกตั้ง จากที่กำหนดให้ส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งให้ครบจำนวนส.ส. ที่พึงจะมีในเขตเลือกตั้งนั้น เป็นให้ส่งได้คนเดียวในแต่ละเขตเลือกตั้ง
และ เมื่อพรรคใดส่งสมาชิกเข้ารับสมัครรับเลือกตั้งแล้ว พรรคนั้นหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคนั้นจะถอนหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัคร รับเลือกตั้งมิได้
2.3 กำหนดบทเฉพาะกาลให้ส.ส. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ยังคงเป็นส.ส. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ จนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือเมื่อมีการยุบสภา หรือเมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตาม มาตรา 106 แล้วแต่กรณี
และกำหนดให้ บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับกับการเลือกตั้งส.ส. นับแต่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกที่จะพึงมีขึ้นภายหลังวันประกาศใช้รัฐ ธรรมนูญนี้ โดยกำหนดให้การเลือกตั้งส.ส. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อแทนตำแหน่งที่ว่างก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
2.4 กำหนดบทเฉพาะกาลให้กกต. จัดทำพ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. เพื่อให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ และเสนอต่อรัฐสภาพิจารณาต่อไป
2.5 กำหนดบทเฉพาะกาลให้ในกรณีที่มีเหตุการณ์ทำให้ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งส.ส. อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก ภายหลัง การประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ก่อนจะปรับปรุงพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 6 แล้วเสร็จ ให้นำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ซึ่งมีผลใช้บังคับกับการเลือกตั้งส.ส. โดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้
3.แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 190 เกี่ยวกับการทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
ข่าว แก้ไขรัฐธรรมนูญ ข่าวการเมือง จาก ข่าวสด
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
01 กุมภาพันธ์ 2553
เปิดร่างแก้รธน.ฉบับ 5 พรรค
Author: Admin.
| Posted at: 21:43 |
Filed Under:
ข่าวการเมือง,
ข่าวสด,
รัฐธรรมนูญ
|
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น