ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

24 มิถุนายน 2553

ระวัง'ประชานิยม' จะไม่มีใครนิยม..

เห็นนโยบายประชา นิยมของรัฐบาลทะลักออกมา หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 2 วันก่อน

อดคิดไม่ได้ว่า เป็นประชานิยมปูทางหาเสียงหรือต้องการที่จะวางนโยบายขึ้นมาช่วยเหลือบรรดา ข้าราชการและเกษตรกรจริงหรือ?

หากวิเคราะห์จากแนวนโยบายที่ผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ดูเหมือนใส่ใจต่อข้าราชการชั้นผู้น้อย อยากให้มีเงินในกระเป๋าเพื่อจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นถือเป็นข่าวดี แม้ไม่มากมายแค่ 5% เงินเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งต่อข้าราชการไทย ผู้ซึ่งมีรายได้น้อยอยู่แล้ว เช่นเดียวกับสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่เป็นเอ็นพีแอล รัฐบาลถึงขั้นยกเว้นพักชำระหนี้เงินต้นให้ 50% พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด เกษตรกรเพียงแค่ผ่อนชำระ 50% ที่เหลือยาวนานถึง 15 ปีตามฐานข้อมูลที่มีอยู่ 8 หมื่นราย

เท่านั้นยังไปพอ รัฐบาล สั่ง ธ.ก.ส. พักชำระหนี้ลูกหนี้ เป็นเวลา 1 เดือน งดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลาเดือนครึ่ง ที่ประสบปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกร ประมาณ 9 แสนราย แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเกษตรกรที่มีมูลหนี้ไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนรัฐบาลพร้อมจัดงบคืน ธ.ก.ส. ภายหลัง เช่นเดียวกับหนี้นอกระบบ รัฐบาลบอกว่าให้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อปลดหนี้ให้แล้ว กว่า 2 แสนราย จากที่มาลงทะเบียนไว้กว่า 1 ล้านราย หวังสิ้นเดือนก.ค. นี้ น่าจะอนุมัติได้ถึง 4.5 แสนราย

สิ่งที่ปรากฏล้วนเป็นประชานิยมแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เช็ค ช่วยชาติ 2,000 บาท ต้นกล้าอาชีพ ชุมชนพอเพียง ประกันรายได้เกษตรกร เรียนฟรี แจกเบี้ยยังชีพคนชรา-คนพิการอื่นๆ อีกมากมาย ยังไม่นับรวมเงินกู้อีก 4-5 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.

เอาเถอะ...จะทำอย่างไรก็สุดแล้วแต่ ขออย่างเดียวทุกนโยบายควรเข้าถึงกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ อย่าเป็นเพียงการกำหนดนโยบายออกมา "แบบลูบหน้าปะจมูก" ก็แล้วกัน มิฉะนั้นเงินงบประมาณที่ใส่เข้าไปมันจะสูญเปล่า ที่สำคัญมันคือภาษีพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

นโยบายที่คลอดออกมาแต่ละเรื่อง ถ้าทำเพื่อความเดือดร้อนของเกษตรกร หรือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมาก ไม่แปลกที่รัฐบาลชุดนี้คิดก๊อบปี้จากรัฐบาลก่อนๆ มาใช้ แต่ขอให้ใช้อย่างระมัดระวัง เข้าถึงกลุ่มคนจริงๆ เพื่อให้ทุกกลุ่มลืมตาอ้าปากได้ ขออย่างเดียวอย่ายัดเยียดประชานิยมจนกลายเป็นยาเสพติด สุดท้ายประชาชนถึงขั้น "สำลักประชานิยม" ก็แล้วกัน

เงินที่นำมาใช้กับประชานิยมทั้งหลายแหล่...ย่อมมีนัยทางการเมืองที่มิอาจ ปฏิเสธได้ เพราะทุกนโยบาย หรือทุกครั้งที่แจกจ่ายเงินให้แก่ชาวบ้าน ไม่ต่างอะไรกับการกรุยทาง ตั้งหลักปักฐานหาเสียงล่วงหน้า เคยประสบความสำเร็จมาแล้วสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้หาเสียงจนได้รับความนิยมจากประชาชน จนกลายเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งไปแล้ว

สำหรับรัฐบาลชุดนี้...นโยบายประชานิยมที่ผลิตออกก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาล ก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด แนวคิดแนวปฏิบัติ...แต่ที่น่าเสียดายการทำความเข้าใจ การให้ข้อมูลข่าวสารแก่พี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน ถ้าเป็นธุรกิจเอกชนต้องบอกว่า "พีอาร์ไม่ เอาไหน"

ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลมุ่งผุดแต่นโยบาย แบบไม่ลืมหูลืมตา โดยไม่รู้ว่าประชาชนจะเข้าถึง เข้าใจ เข้าถึงอย่างไร ก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็จะกลายเป็น "ประชานิยม...แบบไม่มีใครนิยม" การเลือกตั้งครั้งหน้าทำยังไงก็ไม่ชนะใจอยู่ดี

ที่สำคัญประชานิยมที่ทะลักออกมาในแต่ละเรื่อง รัฐบาลควรมีการวัดผลและตรวจสอบการใช้เงิน เพื่อให้คุ้มค่ากับสิ่งที่ใส่ลงไป อย่าสักแต่ผุดนโยบายขึ้นมา แบบเหวี่ยงแห มิเช่นนั้นความนิยมจะไม่เกิดขึ้น รัฐบาลชุดนี้ใช้เงินไม่ต่างจากรัฐบาลก่อน...แต่ยังจับต้องแทบไม่ได้ว่าอะไร คือ ความนิยมของรัฐบาลชุดนี้ เงินกู้ 4 แสนล้าน ที่ใช้ไปยังไม่สามารถสร้างสัญลักษณ์ให้สังคมจดจำได้ว่าทำอะไรไป

จำเป็นอย่างยิ่งที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ในฐานะแม่ทัพใหญ่ต้องตรวจตราเรื่องนี้...อย่าปล่อยให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เอางบประมาณแผ่นดินไปแบ่งเพื่อหาผลประโยชน์ใส่กระเป๋าพรรคใดพรรคหนึ่ง...นะ ครับท่าน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template