ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

24 มิถุนายน 2553

ปฏิรูปกับปรองดองเป็นคนละเรื่อง

นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการปฏิรูปได้เขียนบทความถึงแนวทางปฏิรูปและการปรองดอง โดยชี้ว่า...

สัปดาห์ที่ผ่านมามีความ สับสนเกี่ยวกับปรองดองและปฏิรูป โดยที่คิดว่าอยู่ในเรื่องเดียวกัน ดังที่มีนักข่าวถามว่า “ถ้าปรองดองไม่ สำเร็จจะปฏิรูปได้อย่างไร” ถ้าแยกเรื่องปรองดองกับการปฏิรูปออกจากกันก็จะมีความชัดเจนขึ้น ปรองดอง เป็นเรื่องของอดีต แต่ปฏิรูปเป็นเรื่องของอนาคต เรามักคุ้นเคยกับคำว่าแก้ปัญหา การแก้ปัญหาทำได้ยากและบ่อยๆ ครั้งการแก้ปัญหาทำให้ทะเลาะกันมากขึ้นเพราะ ปัญหามีที่มาและมีคนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก การรวมตัวกันทำสิ่งใหม่ที่ดีง่ายกว่า เพราะเป็นเรื่องอนาคตยังไม่มีจำเลย

ผู้รู้บางคนถึงกับกล่าวว่า “การพัฒนาไม่ใช่การแก้ปัญหา การพัฒนาคือการรวมตัวกันทำสิ่งใหม่ที่ดี” ที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรคิดแก้ปัญหา แต่ไม่ควรหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาเสียจนเคลื่อนไปสู่อนาคตไม่ได้

การปรองดองกับการปฏิรูป เป็นคนละกระบวนการกัน การปฏิรูปไม่ได้ทำเรื่องปรองดอง แต่ถ้าปฏิรูปแล้วเกิดความเป็นธรรมก็เกิดการปรองดองตามมาเอง ส่วนการปฏิรูปที่คิดว่าใครเป็นเหยื่อใครนั้น ถ้าได้เข้าใจความเป็นมาและที่จะเป็นไป ก็คงจะลดความสับสนลงได้บ้าง

(1) การปฏิรูประบบสุขภาพดำเนินมาเกือบ 20 ปีแล้ว นักการสาธารณสุขที่เห็นความทุกข์ยากของประชาชน จากความจน ความเจ็บป่วยล้มตายโดยไม่จำเป็นและการเข้าไม่ถึงบริการ ได้หาทางแก้ไขด้วยประการต่างๆ แต่ทำได้ยากมากเพราะปัญหาเชิงระบบ จึงคิดถึงการปฏิรูประบบสุขภาพ

การจะปฏิรูปอะไรต้องมีความรู้เกี่ยวกับ เรื่องนั้น แพทย์และบุคลากรสาธารณสุขมีความรู้ทางเทคนิค แต่ไม่มีความรู้เชิงระบบ จึงมีการตั้ง สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2535 เพื่อสร้างความรู้เชิงระบบ เพื่อเอาความรู้ไปปฏิรูประบบสุขภาพ สวรส. เป็นองค์กรอิสระองค์กรแรก มีความคล่องตัว และสามารถออกลูกองค์กรต่างๆ ได้ หลักของการปฏิรูปอย่างหนึ่งคือ เปลี่ยนจากระบบตั้งรับเป็นระบบรุก ตั้งรับคือ รอให้สุขภาพเสียก่อน รุกคือรุกไปสร้างสุขภาพดี จึงมีการตั้ง สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) โดยออกกฎหมายเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่มาเข้ากองทุนนี้ ซึ่งมีหน้าที่ไปเสริมสร้างสุขภาพดีในทุกพื้นที่และในทุกเรื่อง

คนยากคนจนไม่มีหลักประกันสุขภาพ จึงมีการออกกฎหมายตั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยที่นโยบายสาธารณะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมทุกส่วน การมีนโยบายที่ดีจึงเป็นเรื่องที่มีผลต่อสุขภาพอย่างมาก แต่นโยบายที่ดีเกิดขึ้นได้ยาก เพราะกระทบต่อผลประโยชน์ต่อบางฝ่ายบางพวกที่มีอำนาจ จึงมีการออกกฎหมายตั้งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ซึ่งมีภารกิจในการขับเคลื่อนให้เกิดนโยบายที่ดี

จึงมีองค์กรที่เรียกว่า ส. ต่างๆ คือ สวรส. สสส. สปสช. สช. เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ เป็นลำดับๆ มา กระนั้นก็ตามเป้าหมายที่จะทำให้เกิดสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางปัญญา แก่ประชาชนทั้งมวล ก็ยังเป็นเรื่องยาก เพราะ

(2) สุขภาพนั้นเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนและสังคมทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องมดหมอหยูกยาเท่านั้น เช่น ถ้าแก้ความยากจนและความอยุติธรรมในสังคมไม่ได้สังคมจะเกิดสุขภาวะได้อย่างไร ถ้าสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ระบบการเกษตรไม่ดี ระบบการศึกษาไม่ดี ฯลฯ ล้วนกระทบต่อสุขภาพทั้งสิ้น ฉะนั้นคำว่าระบบสุขภาพจึงกินความกว้างขวางออกไปนอกขอบเขตของระบบสาธารณสุข มาก โปรดสังเกตคำว่าระบบสุขภาพมีขอบเขตกว้างขวางกว่าระบบการแพทย์และระบบสาธารณ สุข อย่างในสถานการณ์ที่เรียกว่า วิกฤติสุดๆ นั้น ประชาชนจะมีสุขภาวะได้อย่างไร

(3) ปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะคนไทย 10 เรื่อง ในสภาวะที่เรียกว่าวิกฤติสุดๆ นั้น คนไทยกลุ่มหนึ่งได้คาดการณ์ว่า สภาวะวิกฤติน่าจะดำเนินไปถึงจุดที่ไม่มีทางออก นอกจากปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย หรือปฏิรูปทุกเรื่องเพราะปฏิรูปเรื่องใดเรื่องหนึ่งเรื่องเดียว เช่นการปฏิรูปการเมือง คงจะไม่สำเร็จ จึงจัดให้มีการประชุมเรื่องปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะคนไทย ทุก 2 สัปดาห์ เป็นเวลาปีครึ่งมาแล้ว โดยพิจารณาใน 10 เรื่องด้วยกัน คือ

(1) สร้างจิตสำนึกใหม่ (2) สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ (3) สร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น(4) สร้างระบบการศึกษาที่พาชาติออกจากวิกฤติ (5) ธรรมาภิบาลทางการเมืองการปกครองระบบความยุติธรรมและสันติภาพ (6) ระบบสวัสดิการสังคมที่ถ้วนหน้า (7) ดุลยภาพเพื่อพลังงานและสิ่งแวดล้อม (8) ปฏิรูประบบสุขภาพ (9) วิจัยยุทธศาสตร์ชาติ (10) สร้างระบบการสื่อสารที่ดีที่ผสานการพัฒนาทั้งหมด

เรื่องเหล่านี้ยากๆ ทั้งสิ้น ต้องระดมคนมาใช้ความรู้ความคิดกันอย่างหนักโดยคิดว่าเรื่องยากๆ อย่างนี้ ถ้าไม่ช่วยกันทำแล้วใครจะทำ ฝ่ายการเมืองเขาคงทำไม่ได้ แต่ยามใดที่มีวิกฤตการณ์ทางการเมือง หน้าต่างแห่งโอกาสจะเปิดให้ทำเรื่องยากๆ ยามที่ฝ่ายการเมืองเข้มแข็งเขามักจะไม่สนองตอบต่อข้อเรียกร้องใดๆ จากภาคสังคม ยามเขาอ่อนแอเขาจะสนองตอบ เพราะฉะนั้นการปฏิรูปประเทศไทยไม่ใช่ความริเริ่มของฝ่ายการเมือง แต่เป็นการสนองตอบความริเริ่มที่ดำเนินการอยู่แล้วในสังคม และก็เป็นโอกาสที่ภาคสังคมจะขับเคลื่อนการปฏิรูป

(4) กระบวนการปฏิรูปโดยรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง กระบวนการปฏิรูปไม่ผูกติดกับรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง รัฐบาลก็เป็นอนิจจังเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุปัจจัย รัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งอาจให้ความสนใจมากบ้างน้อยบ้าง เช่น สวรส.เกิดในช่วงรัฐบาลอานันท์ เรื่องหลักประกันสุขภาพนั้น นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ กับคณะเริ่ม รัฐบาลทักษิณจับไปทำและได้เครดิตไป องค์กร ส. หลายองค์กรเกิดในช่วงรัฐบาลชวน กระบวนการปฏิรูปจึงเกี่ยวกับการเมือง แต่ไม่เล่นการเมืองแบบเป็นฝักเป็นฝ่าย ตามปกติเรื่องใหม่ดีๆ ฝ่ายค้านจะสนใจมากว่ารัฐบาล เช่น คุณบรรหารเมื่อเป็นฝ่ายค้านได้นำเรื่องปฏิรูปการเมืองไปหาเสียงและเมื่อชนะ การเลือกตั้งก็ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ กระบวนการปฏิรูป เราจึงนึกถึงพรรคฝ่ายค้านด้วยเสมอ เพราะอาจกลับเป็นผู้ปฏิบัติเรื่องดีๆ ได้

(5) สังคมเข้มแข็งคือจุดลงตัว อำนาจรัฐก็ดี อำนาจเงินก็ดี ไม่มีทางทำให้ลงตัว แต่อาจทำให้แตกแยกมากขึ้น ต่อเมื่อใดสังคมเข้มแข็งนั่นแหละประเทศจึงจะลงตัวได้ ควรจะส่งเสริมให้มีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง จนเกิดโครงสร้างสังคมทางราบ เป็นประชาสังคม ความเป็นประชาสังคม จะทำให้ทุกเรื่องยากๆ ได้ อย่างขณะนี้มีเสียงเรียกร้องทั่วไปให้มีการลดความเหลี่ยมล้ำทางสังคม ซึ่งคงจะคิดถึงมาตรการปฏิรูปการใช้ที่ดิน การจัดเก็บภาษีที่ทำให้ลดความเหลื่อมล้ำ การกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่น การเพิ่มอำนาจให้ประชาชน เช่น การมีองค์กรทางการเงิน ขนาดใหญ่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของ เป็นต้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องยากๆ ทั้งนั้นถ้าปราศจากการขับเคลื่อนทางสังคมบวกกับทางวิชาการ ก็คงทำให้สำเร็จไม่ได้

สังคมไทยไม่เคยเข้มแข็ง วิกฤตการณ์บ้านเมืองคราวนี้ ถ้าได้สังคมเข้มแข็ง ขึ้นมาสักอย่าง ประเทศไทยก็น่าจะเปลี่ยน เพราะสังคมเข้มแข็งจะเป็นพลังที่ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้
Continue Reading...

การเมืองไทย ติดหล่มจมปลัก

เลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม.เขต 6 แทน คุณทิวา เงินยวง จะออกหัวออกก้อยอย่างไร อยู่ที่คน กทม.จะตัดสินใจ จะได้วัดกันไปเลยว่า ชาว กทม.จะเลือกข้างไหน และที่อยากจะพิสูจน์ก็คือ อยากให้ใครก็ได้ที่ไม่สังกัดสองขั้วการเมืองนี้มาลงสมัครแข่งด้วย เอาคนเด่น ดี ดังอย่างไรแค่ไหนก็ได้ มาลงเป็นตัวเลือก เพราะคะแนนที่จะเพิ่มอีกหนึ่งเสียงก็ไม่มีผลต่อฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลอยู่ แล้ว

แต่เป็นคำตอบสำหรับเจ้าของประเทศ

เพราะฉะนั้นการเลือก ตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เที่ยวนี้น่าจะเป็นกรณีพิเศษ ถือเป็นการทำประชามติ ก็ได้ เป็นคำตอบว่าเห็นอย่างไรกับการชุมนุมและการสลายการชุมนุมของรัฐบาลที่ผ่านมา แน่นอนว่าฝ่ายค้านหรือผู้ลงแข่งขันที่ไม่ใช่พรรครัฐบาลย่อมเสียเปรียบอยู่ แล้วทั้งเครื่องไม้เครื่องมือและอำนาจรัฐ ยิ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีกฎหมายเผด็จการค้ำคออยู่ ปิดประตูหาเสียงอย่างอิสรเสรี

ก็ อยากให้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วยว่า ประชาธิปไตยเมืองไทยถูกมัดมือชก ยุคนี้ พ.ศ.นี้ ส่วนฝ่ายค้านจะส่ง คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือประชาธิปัตย์จะส่ง คุณพนิช วิกิตเศรษฐ์ หรือรายการนี้จะส่งเหลืองชนแดง หรือจะเอาไฮโซมาชนกับลูกชาวบ้านก็ไม่ว่ากัน

แต่ อยากจะเรียกร้องให้ประชาชนเจ้าของประเทศเป็นกรรมการตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด และให้โอกาสการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้แสดงศักยภาพให้เห็นว่าเป็นระบอบ การปกครองที่ดีที่สุดในโลกในขณะนี้ ช่วยกันทำให้ประชาธิปไตยกินได้เสียที เลิกทำตัวเป็นลูกเต่ายอมตกเป็นตัวประกันทั้งปีทั้งชาติ

ฟังผู้นำ รัฐบาลให้สัมภาษณ์ถึงแผนปรองดองแห่งชาติว่ารัฐบาลพร้อมที่จะปรองดองกับทุก ฝ่ายยกเว้นพวกที่กระทำผิดกฎหมาย ฟังดูขาวสะอาด แต่ถ้านึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ปล้นประชาธิปไตย ยึดอำนาจการปกครองในอดีตที่ผ่านมา รู้สึกตะขิดตะขวงใจชอบกล

ส.ส.พรรค ประชาธิปัตย์ก็ไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นระดับแกนนำ ชนิดเต็มตัว ส.ส.คนอื่นๆของพรรคก็ให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจทั้งข้างเวทีและบนเวทีอย่าง เปิดเผย

แถมยังมี ทายาท คมช. เข้ามาลงรับสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคอีก หรือยังมีแกนนำพันธมิตรฯ มาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคอีก เดชะบุญว่าไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องลงทุนตั้งพรรคการ เมืองเองให้เมื่อยตุ้ม ชัดยิ่งกว่าชัด

อย่างนี้ผิดกฎหมายหรือเปล่า

ก็ ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วไงคดีพันธมิตรฯ กี่คดีทั้งดึงทั้งดอง แล้วไงตำแหน่ง ผบ.ตร. ปล่อยให้ว่างเว้นเป็นปีอย่างไม่มีเหตุผล และถ้าจะดึงดันสร้างวัฒนธรรมใหม่ ตายฟรี สังคมไม่แย่ ไปกว่านี้หรือ สุดท้ายนี้ขอระลึกถึง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เสธ.แดงที่ล่วงลับไปแล้วจงสู่สุคติ.
Continue Reading...

"ซ่อมเลือกตั้ง" แต่ "หวังต่างกัน"

อืมมมม...อันนี้ถูกใจ ฟังแล้วอยากพูดถึง คือผมเห็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ระดับประเทศ และระดับภูมิภาคอย่าง ปตท.บ้าง เอสซีจี หรือกลุ่มปูนซีเมนต์ไทยบ้าง บีแอลซีพีบ้าง โกลว์ และดาว เคมิคอลบ้าง เขาจับมือกันทำข้อตกลงตั้งกลุ่ม "เพื่อนชุมชน" ให้ปรากฏเป็นครั้งแรกในวงการอุตสาหกรรมของประเทศ ก็อยากสนับสนุนตัวอย่างดีๆ อย่างนี้ให้แพร่หลายไปมากๆ อุตสาหกรรมกับชุมชนจะอยู่ร่วมกันได้ ถ้ารู้จัก "เอา" และรู้จัก "ให้" ที่สมดุล
เท่าที่ผมฟัง "คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เขาพูดถึงหลักการใหญ่ๆ ก็มีว่า จะร่วมกันพัฒนาต้นแบบโรงงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรียกว่าจะทำให้ดีกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วยซ้ำ!
ไม่ใช่สักแต่ว่าทำเอาไว้ อ้างกับชาวบ้านเวลามาร้องเรียน เขาบอกว่า ทำแล้วในส่วนดูแลรักษา-ตรวจสอบทั้งคุณภาพชีวิตชาวระยอง และคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ไม่ต้องห่วง ภาระทั้งหลาย พวกเขารับเป็นเจ้าภาพเอง และจะเปิดให้ทุกภาคส่วน รวมถึงชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบด้วย
เน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิต ชุมชน สิ่งแวดล้อม ทั้งด้านสุขภาพและการศึกษา ไม่ใช่อุตสาหกรรมโต แต่ชาวบ้านและชุมชนตาย ต่อไปนี้อุตสาหกรรม-ชาวบ้าน-ชุมชนต้องเป็น "หุ้นส่วนแห่งความยั่งยืนร่วมกัน" ต้องโตไปพร้อมๆ กันตามสัดส่วนที่สมดุล!
พี่ น้องชาวมาบตาพุด ที่ระยอง ก็ติดตาม และจับตาดูนะครับ ผมก็จะช่วยดูอีก ๒ ตา แต่ขอบอกให้อุ่นใจได้อย่าง ถ้าโครงการเพื่อสังคมไหน ปตท.เขาทำล่ะก็ "วางใจได้" ไม่มีสักแต่ว่าทำแบบเอาผักชีโรยหน้าอาหารบูด หรือทำแบบเอาตัวรอดชั่วมื้อ-ชั่วคราว
"โครงการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลน" นั่นคือความสำเร็จที่รับประกันคำคุย กระทั่งที่ไหน ปตท.ไปขุด-ไปทำอะไรไว้ เขาก็จะฟื้นฟู รักษาให้กลับคืนมาดีดังเดิม หรือดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ไม่ใช่อะไรหรอก บังเอิญย่องไปลุยทองผาภูมิ สังขละมาครั้ง ถามคนพื้นที่ว่า...ไหน ที่ ปตท.มาขุดวางท่อก๊าซที่เคยเป็นเรื่องเป็นราว?
เขา ก็ชี้ โน่น..โน่น..ผมก็ดูตามนิ้วเขา ก็ไม่เห็นร่องรอยอะไร นอกจากต้นไม้ที่เรียกว่า "ป่า" พรึ่ดไปหมด เขาก็ว่า นั่นแหละ..นั่นแหละ..ป่านั่นแหละ กาลครั้งหนึ่ง ปตท.เคยขุดวางท่อก๊าซมาจากพม่า แต่กาลครั้งนี้มีแต่ป่ากับป่าที่ปลูกเต็มตลอดแนว!
ในเรื่องความรับผิด ชอบต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อมนี่ ปตท.เขาเชื่อถือได้ อย่างโครงการ "โลกสีเขียว" เขาพลิกจิตสำนึกใหม่ให้หยั่งรากสังคมไทยรักต้นไม้-รักป่าแบบมีวิถีชีวิต เกื้อกันได้อย่างน่ามหัศจรรย์
และนี่ โครงการ "๑ ล้านกล้า...เพื่อพ่อ" ของกระทรวงพลังงาน ยี่ห้อ ปตท.ทำให้มั่นใจได้ว่า ๑ ล้านกล้า จะต้องเป็น ๑ ล้านร่มไม้ใหญ่ เขียวชอุ่มคลุมผืนดินไทยได้ในอนาคตแน่นอน
ประเทศไทยขาด น้ำมัน "ไม่ตายหมด" แต่ถ้าขาดน้ำทำไร่-ทำนา" ตายหมด" แน่ๆ !
ฉะนั้น โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมควบคู่การดูแลชุมชนของ "กลุ่มเพื่อนชุมชน" และโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการปลูกป่า-ปลูกไม้ของ ปตท.ที่ทำมาต่อเนื่องนี้ เป็นที่น่าสรรเสริญครับ และควรยกย่องให้เป็นแบบอย่างสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรม และองค์กรที่ "เหลือกิน-เหลือใช้" ทั้งหลาย
ช่วยกันคืน "ป่า" ให้กับสังคมไทยผ่าน "ผืนแผ่นดิน" กันเถอะครับ มีป่า ฟ้าให้ฝน คนมีข้าว แล้วไทยเราก็จะเป็นสุข!
เอ้า...ว่า จะแตะๆ ซักนิดเดียว คุยแล้วก็ยาวยืด อย่างนั้นวันนี้ก็คุยสัพเพเหระสารพัดเรื่องไปก็แล้วกันนะครับ นี่...ข่าวโทรทัศน์แว่วเข้าหูว่า พรรคเพื่อไทยลงมติส่ง "นายก่อแก้ว พิกุลทอง" ลงสมัคร ส.ส.กทม.เขต ๖ ย่านมีนบุรี จากเดิมที่ท่านพี่จตุพรของผมโหมประโคมมาหลายวันว่าจะส่ง "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ลงชน
สรุปว่า นายณัฐวุฒินอนพักผ่อนอยู่ในคุกต่อไป ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง คนที่ไปมอบตัวทีหลังพร้อมกับนายวีระ มุสิกพงศ์ นั่นแหละ จะได้รับการเบิกตัวจากคุกออกมาสมัครซ่อม ส.ส.
คุณก่อแก้ว พื้นเพดูเหมือนเป็นคนพังงานะครับ แต่มาโตในกรุงเทพฯ เป็นคนเก่งคนหนึ่ง จบวิศวะเจ้าคุณทหารลาดกระบัง บางคนอาจสงสัยว่า "แดงเข้าเลือด" ได้อย่างไร และปกติก็ไม่มีใครเห็นหน้าค่าตา และไม่ปรากฏบทบาททางบู๊ล้างผลาญ หรือทางบุ๋นมาก่อน จะมาเห็นหน้ากันก็หลังปฏิวัติ ๑๙ กันยา ๔๙
ร่วมจตุ พร-ณัฐวุฒิจัดรายการพีทีวีบ้าง เป็นฮาร์ดคอร์ร่วมขบวนการ นปช.รุ่นบุกเบิกบ้าง มีวีรกรรมบุกไปพังบ้านท่านประธานองคมนตรี "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" ร่วมกับท่านรองประธานสภา "พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย" บ้าง จนสุดท้ายมาถึงรุ่น "กบฏเผาบ้าน-เผาเมือง" ล่าสุดนี่แหละ
เท่าที่ดู สมัยรัฐบาลทักษิณ ถ้าจำไม่ผิดตอนที่ "นายภูมิธรรม" เป็น รมช.คมนาคม ได้ดึงตัวนายก่อแก้วมาเป็น "ผอ.ร.ส.พ." ความจริงเขาก็ใช้ความรู้ ความสามารถแก้ปัญหาหมักหมม ร.ส.พ.ได้สมเหตุ-สมผล คือเขาศึกษาว่า ร.ส.พ.ควรจะไปทางไหนดี?
จะยกเครื่องให้ทันยุค-ทันสมัยอยู่ต่อไป หรือมันไม่ไหว พอกันที จบกันแค่นี้ "เลิกไป" ดีกว่าให้มันอยู่แบบสะสมการขาดทุน
สุดท้ายทางบอร์ดก็เลือกทาง "เลิกกิจการ" ร.ส.พ. การเลิกนั้นนับว่านายก่อแก้วมีประวัติควบคู่ในฐานะผู้ชงเรื่อง "ปิดตำนาน" แต่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นอย่างไรผมไม่ทราบ เพียงแต่ได้ยินที่เขานินทากันว่า นายใหญ่ "ต้องการเอาที่ดิน" อันเป็นที่ตั้ง ร.ส.พ.ไปเล่นแร่แปรธาตุ อย่างที่ทำกับกิจการรัฐวิสาหกิจหลายๆ แห่งอยู่ในขณะนั้น
ถ้าไม่มีซิกแนล อะไรส่งมาจากนอกประเทศอีก นายก่อแก้วก็คงได้รับการประกันตัวออกมาลงสมัครส.ส. สมมุติว่าได้รับเลือกเป็น ส.ส.กทม.เขต ๖ แทนที่ ดร.ทิวา เงินยวง ด้วยคุณสมบัติ และความรู้ ความสามารถในการทำงาน ผมก็ว่านายก่อแก้วเขาก็โอเคนะ
นี่พูดกันตามเนื้อผ้า ส่วนใครจะบ้าสีแล้วตัดสินคน นั่นก็เชิญตามสบาย!
สำหรับบทบาท ทัศนคติ และรสนิยมทางการเมืองของนายก่อแก้วดังปรากฏ นั่นเป็นความชอบ และเหตุผลส่วนตัวของเขา จะเหมาว่าคนเสื้อแดง คนชอบทักษิณเป็นคนไม่ดี เป็นคนไม่รักชาติบ้านเมืองไปทั้งหมดเห็นจะไม่ใช่ และไม่ได้ด้วย เท่าที่ดูระยะหลัง ใกล้ๆ เวทีเสื้อแดงราชประสงค์จะปิดฉาก นายก่อแก้วดูจะอยู่ในมุม "ไม่เอาด้วย" กับความรุนแรง
ความจริงเขาจะชิ่ง หลบมากบดานกับนายวีระตอนนั้น ก่อนที่จะถูกพลโทดาว์พงษ์ "กระชับวงล้อม" ก็ย่อมได้ เพราะตอนนั้น "ความคิดเห็น" ในแกนนำแตกเป็น ๒ ฝ่าย ๒ ขั้วแล้ว
คือ ฝ่ายประนีประนอมกับข้อเสนอรัฐบาล กับฝ่ายฮาร์ดคอร์ ชวนชาวบ้าน "สู้ตายร่วมกัน" แต่ปรากฏว่า เอาเข้าจริง แรมโบ้กับพี่กี้ฝ่ายสู้ตาย สวมตีนหมาโกยแน่บ "เอาตัวรอด" ไปก่อนแล้ว แต่นายก่อแก้ว ซึ่งมีเหตุผลรับฟังได้มากกว่าถ้าจะหลบหน้าเอาตัวรอดไปก่อน เพราะตอนนั้นถือว่า "เดินคนละแนวคิด" แล้ว
แต่จนถึงนาทีสุดท้าย ถ้าจำไม่ผิด กระทั่งเช้าวันที่ ๑๙ พ.ค. นายก่อแก้วก็ยังปรากฏตัวอยู่บนเวที มันก็มีความหมายในแนวเดียวตามทัศนะของผมคือ "คนไม่ทิ้งเพื่อน" ในเมื่อร่วมหัว-จมท้าย ไม่ว่า "นรก-สวรรค์" อยู่ก็อยู่ ตายก็ตายด้วยกัน ความคิดนักสู้จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรยุ่งยาก ซับซ้อนหรอก!
ก็นั่นแหละ ทั้งหลาย-ทั้งปวง โชคดีแล้วที่ตัดสินใจไม่เบิกตัวนายณัฐวุฒิให้เอาหัวมาล่อเป้า เพราะทุกคนก็รู้ ไม่ว่า นายเล็ก นายใหญ่ นายรอง นายหญิง ไม่ว่าหญิงใหญ่ หญิงน้อย หญิงนิด หญิงหน่อย อะไรทั้งนั้น เอาใครลงสมัครก็ได้ มัน "แค่สมัคร" เท่านั้น อย่าไปหวังชนะคะคานอะไรเลย

เจตนาเพียงต้องการใช้ โอกาสนี้ "ตั้งเวที" สำรากทางการเมืองว่าด้วยเรื่องแถกเหงือกเถลือกไถลว่า "ไอ้แดงเทียม" มันยิง มันเผาเมืองเท่านั้น ส่วนแดงทักษิณ แดงตู่ แดงเต้น แดงกี้ แดงแรมโบ้ ใครต่อใครทั้งหลายในขบวนการกบฏ บ่ฮู้ บ่หัน บ่ดัน บ่เข้า ทุกคน!
ก็ได้สมใจตู่แล้วนี่ ต้องไปสนใจอะไรว่าจะได้ใครลงสมัคร!
ได้ ตั้งเวที "ลองเครื่อง" ระดมพลแดงท่ามกลางบรรยากาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันดีจะตายไป แต่ถ้าเกิดเครื่องติด จะได้ตะลิดตึ๊ดชึ่งต่อมันไปซะเลย!!

ที่ ผ่านมา เสื้อแดงทั้งเวทีป้อนข้อมูลมั่ว หรือไม่มั่วอยู่ฝ่ายเดียว เลือกตั้งซ่อมเกิดเงื่อนไขธรรมชาติ ให้มีฝ่ายรัฐบาลออกมาตั้งเวทีมั่วประชันด้วย และยิ่งกว่านั้น อาจจะมีพรรคเกิดใหม่อย่างพรรคการเมืองใหม่ส่งตัวแทนลงสมัคร เขาก็จะได้ตั้งเวทีเสื้อเหลือง "สาธยายหลักการ" เสริมสีสันการเมือง ๓ ฝ่ายตามสไตล์ร่วมวง

๓ ธง ๓ สี แต่ไม่ใช่ "ไตรรงค์ สุวรรณคีรี" ซี้เสธ.แดงนะ หากแต่สนามเลือกตั้ง กทม.เขต ๖ นี้จะมีทั้งธงเหลือง ธงแดง และธงสีฟ้า เลือกตั้งเสร็จก็คอยดูกันว่า ช่องกากบาท เบอร์เหลือง-เบอร์แดง-เบอร์ฟ้า กับช่อง "ไม่ลงคะแนนให้ใคร" ช่องไหนจะมาวิน เทเลอร์?
ช่อง "ไม่ออกเสียง" คะแนนนำล่ะก็ คงได้หัวร่อกันกะปริบปราย บอกไม่เชื่อ!

หาเสียงคราวนี้ ใครก็อย่าทำเป็นซ่าไป โดยเฉพาะท่านนายกฯ ถ้าแน่ใจว่า กทม.เขต ๖ เป็นของข้า ใครอย่าแหยมล่ะก็ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปโชว์รูปหล่อบนหลังรถ หรือนวยนาดขึ้นเวทีปราศรัยให้ประเจิด-ประเจ้อ ท่านเป็นเด็กนอก แต่ผมน่ะ พูดแล้วจะหาว่าคุย ระดับลูกศิษย์ท่านเจ้าอาวาสนะ ฉะนั้น จะถามท่านคำ
"รู้จัก เป้าบิน" มั้ย?
Continue Reading...

อย่าสร้างเงื่อนไขเพื่อไล่ล่า

เหตุระเบิดซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา คงมีส่วนทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดความวิตกกังวลกับสถานการณ์ภายในประเทศ ขึ้นอีกครั้ง หลังจากคนไทยต้องเผชิญกับเหตุความวุ่นวายทางการเมืองช่วงที่แนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดชุมนุมทางการเมืองระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค. และนำมาสู่ความสูญเสียของชีวิตประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีความพยายามทุกฝ่ายพยายามหาหนทางเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง ของคนในชาติ

ในเบื้องต้นแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุม นายเอนก สิงขุนทด ผู้ก่อเหตุ โดยลอบนำวัตถุระเบิดมาวางไว้บริเวณที่ทำการของพรรคภูมิใจไทย ในขณะที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) จะออกมาระบุว่า การก่อเหตุครั้งนี้เพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่ในแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ซึ่งทำการสอบสวน ต้องทำด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ก่อนที่จะมีการขยายผลไปยังผู้บงการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุนี้ เนื่องจากสังคมไทยกำลังอยู่ในภาวะความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจกัน

ที่น่าเป็นห่วงคือเหตุระเบิดโดยมีพรรคการเมือง เป็นเป้าหมาย เกิดขึ้นในระหว่างที่รัฐบาลยังนำ พ.ร.ก.บริหารราช การในสถานการณ์ฉุกเฉินบังคับใช้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เท่ากับว่าการกำหนดมาตรการระงับเหตุมีแนวทางปฏิบัติที่มีความเข้มงวด ทั้งการให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ กับการตรวจสอบประชาชนบาง กลุ่ม ซึ่งอาจถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายยังมีจุดบกพร่อง ทางศูนย์อำนวยการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ (ศอฉ.) ที่ได้รับอำนาจจากฝ่ายบริหารคงจะต้องเร่งปรับแนวทางในการทำงานให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่เสียงระเบิดดังขึ้น ก็ มีทั้งบทวิเคราะห์และคำถามของสื่อมวล ชน ซึ่งมองว่าเหตุร้ายที่ เกิดขึ้นเป็นความจงใจสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อต้องการให้บังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินยังบังคับใช้อยู่ต่อไป สะท้อนให้เห็นถึงความหวาดระแวงกับการใช้อำนาจรัฐ ดังนั้น ทาง ศอฉ. ก็ต้องพึงระวัง อย่าอาศัยเงื่อนไขบางอย่างเป็นมูลเหตุในการไล่ล่าคนบางกลุ่ม โดยขาดพยานหลักฐานรองรับ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง และทำให้หนทางในการปรองดองยากจะประสบความสำเร็จ.
Continue Reading...

ระวัง'ประชานิยม' จะไม่มีใครนิยม..

เห็นนโยบายประชา นิยมของรัฐบาลทะลักออกมา หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 2 วันก่อน

อดคิดไม่ได้ว่า เป็นประชานิยมปูทางหาเสียงหรือต้องการที่จะวางนโยบายขึ้นมาช่วยเหลือบรรดา ข้าราชการและเกษตรกรจริงหรือ?

หากวิเคราะห์จากแนวนโยบายที่ผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ดูเหมือนใส่ใจต่อข้าราชการชั้นผู้น้อย อยากให้มีเงินในกระเป๋าเพื่อจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นถือเป็นข่าวดี แม้ไม่มากมายแค่ 5% เงินเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งต่อข้าราชการไทย ผู้ซึ่งมีรายได้น้อยอยู่แล้ว เช่นเดียวกับสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่เป็นเอ็นพีแอล รัฐบาลถึงขั้นยกเว้นพักชำระหนี้เงินต้นให้ 50% พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด เกษตรกรเพียงแค่ผ่อนชำระ 50% ที่เหลือยาวนานถึง 15 ปีตามฐานข้อมูลที่มีอยู่ 8 หมื่นราย

เท่านั้นยังไปพอ รัฐบาล สั่ง ธ.ก.ส. พักชำระหนี้ลูกหนี้ เป็นเวลา 1 เดือน งดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลาเดือนครึ่ง ที่ประสบปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกร ประมาณ 9 แสนราย แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเกษตรกรที่มีมูลหนี้ไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนรัฐบาลพร้อมจัดงบคืน ธ.ก.ส. ภายหลัง เช่นเดียวกับหนี้นอกระบบ รัฐบาลบอกว่าให้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อปลดหนี้ให้แล้ว กว่า 2 แสนราย จากที่มาลงทะเบียนไว้กว่า 1 ล้านราย หวังสิ้นเดือนก.ค. นี้ น่าจะอนุมัติได้ถึง 4.5 แสนราย

สิ่งที่ปรากฏล้วนเป็นประชานิยมแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เช็ค ช่วยชาติ 2,000 บาท ต้นกล้าอาชีพ ชุมชนพอเพียง ประกันรายได้เกษตรกร เรียนฟรี แจกเบี้ยยังชีพคนชรา-คนพิการอื่นๆ อีกมากมาย ยังไม่นับรวมเงินกู้อีก 4-5 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.

เอาเถอะ...จะทำอย่างไรก็สุดแล้วแต่ ขออย่างเดียวทุกนโยบายควรเข้าถึงกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ อย่าเป็นเพียงการกำหนดนโยบายออกมา "แบบลูบหน้าปะจมูก" ก็แล้วกัน มิฉะนั้นเงินงบประมาณที่ใส่เข้าไปมันจะสูญเปล่า ที่สำคัญมันคือภาษีพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

นโยบายที่คลอดออกมาแต่ละเรื่อง ถ้าทำเพื่อความเดือดร้อนของเกษตรกร หรือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมาก ไม่แปลกที่รัฐบาลชุดนี้คิดก๊อบปี้จากรัฐบาลก่อนๆ มาใช้ แต่ขอให้ใช้อย่างระมัดระวัง เข้าถึงกลุ่มคนจริงๆ เพื่อให้ทุกกลุ่มลืมตาอ้าปากได้ ขออย่างเดียวอย่ายัดเยียดประชานิยมจนกลายเป็นยาเสพติด สุดท้ายประชาชนถึงขั้น "สำลักประชานิยม" ก็แล้วกัน

เงินที่นำมาใช้กับประชานิยมทั้งหลายแหล่...ย่อมมีนัยทางการเมืองที่มิอาจ ปฏิเสธได้ เพราะทุกนโยบาย หรือทุกครั้งที่แจกจ่ายเงินให้แก่ชาวบ้าน ไม่ต่างอะไรกับการกรุยทาง ตั้งหลักปักฐานหาเสียงล่วงหน้า เคยประสบความสำเร็จมาแล้วสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้หาเสียงจนได้รับความนิยมจากประชาชน จนกลายเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งไปแล้ว

สำหรับรัฐบาลชุดนี้...นโยบายประชานิยมที่ผลิตออกก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาล ก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด แนวคิดแนวปฏิบัติ...แต่ที่น่าเสียดายการทำความเข้าใจ การให้ข้อมูลข่าวสารแก่พี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน ถ้าเป็นธุรกิจเอกชนต้องบอกว่า "พีอาร์ไม่ เอาไหน"

ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลมุ่งผุดแต่นโยบาย แบบไม่ลืมหูลืมตา โดยไม่รู้ว่าประชาชนจะเข้าถึง เข้าใจ เข้าถึงอย่างไร ก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็จะกลายเป็น "ประชานิยม...แบบไม่มีใครนิยม" การเลือกตั้งครั้งหน้าทำยังไงก็ไม่ชนะใจอยู่ดี

ที่สำคัญประชานิยมที่ทะลักออกมาในแต่ละเรื่อง รัฐบาลควรมีการวัดผลและตรวจสอบการใช้เงิน เพื่อให้คุ้มค่ากับสิ่งที่ใส่ลงไป อย่าสักแต่ผุดนโยบายขึ้นมา แบบเหวี่ยงแห มิเช่นนั้นความนิยมจะไม่เกิดขึ้น รัฐบาลชุดนี้ใช้เงินไม่ต่างจากรัฐบาลก่อน...แต่ยังจับต้องแทบไม่ได้ว่าอะไร คือ ความนิยมของรัฐบาลชุดนี้ เงินกู้ 4 แสนล้าน ที่ใช้ไปยังไม่สามารถสร้างสัญลักษณ์ให้สังคมจดจำได้ว่าทำอะไรไป

จำเป็นอย่างยิ่งที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ในฐานะแม่ทัพใหญ่ต้องตรวจตราเรื่องนี้...อย่าปล่อยให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เอางบประมาณแผ่นดินไปแบ่งเพื่อหาผลประโยชน์ใส่กระเป๋าพรรคใดพรรคหนึ่ง...นะ ครับท่าน
Continue Reading...

อินทรีเหล็กปะทะสิงโตคำรามรอบ2ฟุตบอลโลก

"อินทรีเหล็ก"เยอรมนี สมราคาทีมเต็งเข้ารอบที่ 1 กลุ่ม ดี หลังพิชิต กานา 1-0 ปะทะ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่ฮึดนัดสุดท้ายเฉือน สโลวีเนีย 1-0 เข้ารอบสำเร็จ ขณะที่ "ลุงแซม" สหรัฐ แซงคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ด้วยการชนะ แอลจีเรีย 1-0 นาทีสุดท้าย ด้าน "เสือเตี้ย" ดิเอโก มาราโดนา ชี้เกมรอบ 2 เป็นต้นไปจะเป็นบทพิสูจน์ "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา อย่างแท้จริง

ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบแรก วันที่ 23 มิ.ย. เป็นเกมรอบแรกนัดสุดท้าย กลุ่ม ดี "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ลงสนามที่โยฮันเนสเบิร์ก พบกับ "ดาวดำ" กานา โดยเกมนี้ เยอรมนี ต้องการชัยชนะเพื่อการเข้ารอบอย่างแน่นอน ขณะที่ กานา ต้องการแค่เสมอ แต่เกมนี้มีจุดที่น่าสนใจที่ 2 พี่น้องอย่าง เฌอโรม บัวเต็ง กองหลังของเยอรมนี กับ เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง กองกลางกานา 2 พี่น้องแท้ๆ ต้องเผชิญหน้ากันในฟุตบบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เกมในช่วง ครึ่งแรกทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมรุกแลกกันอย่างสนุกและสามารถสร้างโอกาสลุ้น ประตูกันได้ทั้งสองฝ่าย แต่เป็น เยอรมนี ที่น่าจะได้ประตูออกนำ นาทีที่ 26 เมื่อ คาเคา แทงบอลให้ เมซุท โอซิล หลุดเดี่ยวไปยิงชนิดที่มีเวลา แต่จังหวะยิงกลับยิงไปติด ริชาร์ด คิงส์ตัน จบครึ่งแรก สกอร์จึงอยู่ที่ 0-0

ครึ่งหลังกลับมาเล่นถึงนาทีที่ 51 กานา ได้โอกาสทองจากบอลยาว อังเดร อายิว ได้บอลหลุดไปยิงเดี่ยวๆ แต่ไปติด มานูเอล นอยเออร์ ที่ออกมาปิดมุม และอีก 8 นาทีต่อมาเป็น เยอรมนี ที่ได้ประตูออกนำ เมซุท โอซิล ได้จังหวะสับไกยิงเต็มๆ จากหน้ากรอบเขตโทษเข้าทางมุมซ้ายเป็น 1-0 จากนั้นทั้งสองทีมไม่เน้นเกมรุกกันเท่าไรนัก จบเกม เยอรมนี ชนะ 1-0 มี เพิ่มเป็น 6 แต้ม คว้าแชมป์กลุ่มไปพบ อังกฤษ ในรอบ 16 ทีมสุด ท้าย ขณะที่ กานา แม้จะแพ้แต่ก็ยังเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ไปพบ สหรัฐ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสงอทีม

เยอรมนี - มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์, อาร์เน ฟรีดริช, เฌอโรม บัวเต็ง, ซามี เคดิรา, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์, เมซุท โอซิล, ลูคัส โพโดลสกี, คาเคา

กาน่า - ริชาร์ด คิงส์ตัน, จอห์น แพนท์ซิล, จอห์น เมนซาห์ล โจนาธาน เมนซาห์, ฮันส์ ซาร์ไป, แอนโธนี อันนัน, คัดโว อซาโมอาห์, อังเดร อายิว, เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง, อซาโมอาห์ กียาน, ปรินซ์ ทาโก

จิงโจ้คว้าชัยส่งท้าย 2-1

อีกคู่ของกลุ่ม ดี เซอร์เบีย พบกับ ออสเตรเลีย ที่ เนลสพรูอิท โดยทั้งสองทีมต่างก็ต้องการชัยชนะเพื่อเข้ารอบ แต่ทาง เซอร์เบีย ยังมีการพักตัวหลักอย่าง อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ที่ติดใบเหลืองอยู่ แต่ก็ยังส่งตัวหลักลงสนามกันหลายคน ขณะที่ ออสเตรเลีย ไม่มีทั้ง เครก มัวร์, แฮร์รี คีเวลล์ ที่ติดโทษแบน แต่ได้ ทิม เคฮิลล์ พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้

เริ่มเกมได้ 12 นาที เซอร์เบีย ได้โอกาสทองในการได้ประตูนำเมื่อ มิลอส คราซิช ได้บอลหลุดเดี่ยวไปแตะหลบ มาร์ค ชวาร์เซอร์ ไปแล้วแต่ยิงหลุดกรอบแบบน่าเสียดาย จากนั้น เซอร์เบีย ก็บุกแบบพับสนาม นาทีที่ 34 นิโกลา ซิกิช ได้โหม่งเหน่งๆ แต่ก็โดนไม่เต็ม บอลหลุดออกเสาสองไป จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ช่วงครึ่ง หลังกลับกลายเป็นว่า ออสเตรเลีย เล่นได้ดีขึ้น จนนาทีที่ 69 ออสเตรเลีย ได้ประตูออกนำจากการโหม่งของ ทิม เคฮิลล์ เป็น 1-0 และนาทีที่ 73 ทีมจิงโจ้ได้ประตูหนีห่างออกไปอีก แบรตต์ โฮลแมน ลากบอลไปยิงเสียบมุมซ้ายเป็น 2-0 ก่อนที่ เซอร์เบีย จะมาฮึดตีไข่แตกได้นาทีที่ 84 จากการยิงซ้ำของ มาร์โก ปันเทลิช กองหน้าตัวสำรอง แต่สุดท้าย ออสเตรเลีย ยังชนะไปได้ 2-1 ทำให้ทั้งสองทีมตกรอบทั้งคู่

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ออสเตรเลีย - มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค วิลค์เชียร์, ลูคัส นีล, ไมเคิล โบแชมป์, เดวิด คาร์นีย์, คาร์ล วาเลรี, เจสัน คูลินา, เบรตต์ เอเมอร์ตัน, ทิม เคฮิลล์, จอช เคนเนดี, มาร์ค เบรสชาโน

เซอร์เบีย - วลาดิเมียร์ สตอยโควิช, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, เนมันยา วิดิช, อเล็กซานดาร์ ลูโควิช, อิวาน โอบราโดวิช, ซดาฟโก้ คุซมาโนวิช, เดยัน สแตนโควิช, มิลอส คราซิช, มิลาน โยวาโนวิช, มิลอส นินโควิช, นิโกลา ซิกิช

ตารางคะแนนกลุ่ม ดี

แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย แต้ม

เยอรมนี 3 2 0 1 5 1 6

กานา 3 1 1 1 2 2 4

เซอร์เบีย 3 1 0 2 2 3 3

ออสเตรเลีย 3 0 1 2 3 6 3

อังกฤษรอดตัวเฉือน1-0

กลุ่ม ซี "สิงโตคำราม" อังกฤษ ลงสนามพบ สโลวีเนีย ที่พอร์ท อลิซาเบธ โดยเกมนี้ทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล ต้องการชัยชนะเพื่อการเข้ารอบอย่างแน่นอน และมีการปรับทัพเอา เจอร์เมน เดโฟ มาเป็นกองหน้าคู่กับ เวย์น รูนีย์ ขณะที่ สโลวีเนีย ต้องการแค่เสมอจะเข้ารอบทันที

เริ่มเกมขึ้นมา อังกฤษ พยายามเดินเกมรุกทันที เนื่องจากต้องการชัยชนะและนาทีที่ 23 ก็มาประสบ ความสำเร็จเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลโด่งจากทางขวาไปหน้าประตู เจอร์เมน เดโฟ เข้าชาร์จที่หน้าประตูเป็น 1-0 จากนั้นนาทีที่ 30 อังกฤษ น่าจะได้ประตูที่ 2 เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด ได้แปเหน่งๆ บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ แต่ ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช พุ่งปัดเอาไว้ได้ทัน

เข้าครึ่งหลังกลับมาเล่นถึงนาทีที่ 58 อังกฤษ น่าจะได้ประตูอีกครั้งจากลูกเตะมุมทางขวา จอห์น เทอร์รี ขึ้นโขกเต็มๆที่เสาสอง แต่ ฮันดาโนวิช ปัดออกไปได้หวุดหวิด จากนั้น รูนีย์ ได้จังหวะหลุดการล้ำหน้าไปยิงแต่ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย จบเกม อังกฤษ ชนะไปแค่ 1-0 แต่ก็เพียงพอกับการเข้ารอบ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อังกฤษ - เดวิด เจมส์, เกลน จอห์นสัน, แมทธิว อัพสัน, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, เจมส์ มิลเนอร์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี, สตีเวน เจอร์ราร์ด, เวย์น รูนีย์ (โจ โคล น.72), เจอร์เมน เดโฟ (เอมิล เฮสกีย์ น. 85)

สโลวีเนีย - ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช, มิโซ เบรชโก, มาร์โก ซูเลอร์, บอสท์ยาน เซซาร์, บอยาน โยคิช, วัลเตอร์ เบียร์ซา, โรเบิร์ท โคเรน, อเลกซานดาร์ ราโดซาฟเยวิช, อันดราซ เคิร์ม (ทิม มาทาฟซ์ น. 79), ซลาตัน ลูบิยานคิช (ซลัทโก เดดิช น. 62), มิลิโวเย โนวาโควิช

ลุงแซม 1-0 คว้าแชมป์กลุ่มซี

กลุ่ม ซี อีกคู่ที่พริทอเรีย "ลุงแซม" สหรัฐ ที่มี 2 แต้มพบกับ แอลจีเรีย ที่มีแต้มเดียว ทำให้ทั้งสองทีมต่างก็ต้องการชัยชนะด้วยกันทั้งคู่เพื่อพลิกสถานการณ์เข้า รอบ เกมนี้ สหรัฐ ไม่มี ร็อบบี ฟินด์ลีย์ ที่ติดโทษแบนจึงใช้ เฮอร์คูเลซ โกเมซ ลงมาเป็นกองหน้าแทน ขณะที่แนวรับตัดสินใจใช้ โจนาธาน บอร์นสไตน์ ลงมาแทน ออนกูชี ออนเยวู ขณะที่ แอลจีเรีย ส่งตัวเก๋าอย่าง ราฟิค เฌมบูร์ ลงมาทำเกมตัวจริง

เริ่มเกมมา 6 นาที แอลจีเรีย พลาดโอกาสทองในการได้ประตูนำจากการพลาดของกองหลังสหรัฐบอลหลุดไปเข้าทางให้ ราฟิค เฌมมูร์ หลุดไปยิงผ่าน ทิม โฮเวิร์ด ไปแล้วแต่บอลไปชนคานออกมาอย่างน่าเสียดาย ขณะที่ สหรัฐ ได้โอกาสนาทีที่ 23 คลินท์ เดมป์ซีย์ ชาร์จบอลเข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าซะก่อน จึงชวดไป ทั้งๆ ที่ยืนอยู่เท่ากับกองหลัง จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

เข้าครึ่งหลัง สหรัฐ พลาดโอกาสทองอีกครั้ง โจซี อัลติดอร์ วิ่งเข้ายิงบอลที่กรอบเขตโทษบอลไปชนเสาออกมา และ เดมป์ซีย์ ได้ซ้ำเหน่งๆ แต่หลุดกรอบอย่างเหลือเชื่อ จากนั้น สหรัฐ พยายามเดินเกมรุกอย่างหนัก จนนาทีสุดท้ายของเกม สหรัฐ มาได้ประตูชัยจากการวิ่งเข้ายิงของ แลนดอน โดโนแวน ก่อนที่ช่วงทดเจ็บ แอลจีเรีย เหลือ 10 คน อันเธอร์ ยาเฮีย โดนใบเหลืองแดง และจบเกม สหรัฐ ชนะ 1-0 ได้ผ่านเข้ารอบรวมทั้งยังเป็นแชมป์กลุ่ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แอลจีเรีย - เอ็มโบฮี อูเฮบ, มัดจิด บูเกอร์รา, นาเดียร์ เบลฮัดจ์, อันเธอร์ ยาเฮีย, ราฟิค ฮาลิเช, เมห์ดี ลาเซน, ราฟิค เฌมมูร์ (อับเดลคาเดอร์ ไซฟี น. 85) คาริม มัตมูร์ (ราฟิค ซาฟี น. 85), , คาริม ซิยานี (อัดอิห์เน กีดิอูรา น. 69), ฮัสซันน เยบดา, ฟูเอด คาเดอร์

สหรัฐ - ทิม โฮเวิร์ด, สตีฟ เชรุนโดโล, เจย์ เดเมอริต, คาร์ลอส โบคาเนกรา, โจนาธาน บอร์นสไตน์ (เดมาร์คัส บีสลีย์ น. 80), แลนดอน โดโนแวน, ไมเคิล แบรด์ลีย์, มัวริช เอดู (เอ๊ดสัน บัดเดิล น. 64), คลินท์ เดมป์ซีย์, โจซี อัลติดอร์, เฮอร์คูเลซ โกเมซ (เบนนี เฟฮาเบอร์ น. 46)

ตารางคะแนนกลุ่ม ซี

แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย แต้ม

สหรัฐ 3 1 2 0 5 3 5

อังกฤษ 3 1 2 0 2 1 5

สโลวีเนีย 3 1 1 1 3 3 4

แอลจีเรีย 3 0 1 2 0 2 1
Continue Reading...

สะพัด"ดร.กบ"ข้ามห้วยสภาพัฒน์นั่งปลัดคลัง

ผ่าตัดใหญ่โยกย้ายข้าราชการระดับสูงในระดับปลัดกระทรวง 15 เก้าอี้หลัง ก.ย.53 ข่าวสะพัด "อำพน"อาจข้ามห้วยจากเลขาฯสภาพัฒน์นั่งปลัดคลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะ รัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่าน มา ให้รับทราบว่าช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2553 จะ มีข้าราชการระดับสูง ตั้งแต่อธิบดีขึ้นไปเกษียณอายุราชการ และครบวาระในการดำรงตำแหน่งประมาณ 150 ตำแหน่ง จึงขอให้ทุกกระทรวงส่งบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายให้นายกรัฐมนตรี และสามรองนายกรัฐมนตรี กลั่นกรองก่อนเสนอเข้า ครม.


ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากสำนักงานก.พ. แจ้ง ว่า สำนักงานก.พ. ได้รวบรวมรายชื่อตำแหน่งนักบริหารระดับ สูงในระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า ที่จะว่างลงในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และต้องเสนอให้ครม.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายรวม 15 ตำแหน่ง โดยพบว่ามีระดับปลัดกระทรวงรวม 10 ตำแหน่ง คือ

1.คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
2. นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการก.พ.

3.นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง

4.นายอรรถชัย บุรกรรม ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

5.นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

6.นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)

7.นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย

8 นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน

9.น.ส.สุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

10.นายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา


ขณะเดียวกัน มีข้าราชการระดับปลัดกระทรวงที่ครบวาระ 4 ปี และจะต้องเสนอต่ออายุการดำรงตำแหน่งครั้งละ 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ครั้ง รวม 6 ปี หรือให้มีการสับเปลี่ยนหน้าที่ ย้าย หรือโอนไปดำรงตำแหน่งในกระทรวงอื่นภายใน 60 วัน จำนวน 3 คนคือ 1.นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน 2.นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ 3.นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการต่ออายุไปแล้ว 1 ครั้ง

นอกจากนี้ยังมีข้าราชการระดับสูงอีก 2 รายที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 6 ปี คือ ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ และนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและมั่นคงของมนุษย์

อย่างไรก็ตามได้เกิดปัญหาทางเทคนิคขึ้นใน กรณีของนายวัลลภ จนต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด ก.พ.เดือนมิ.ย. ที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นประธาน เนื่องจากนายวัลลภจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ และจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค. 2553 ทำให้เหลือเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ใหม่เพียง 2 เดือน 12 วัน

ทั้งนี้ สำนักงานก.พ. จึงเสนอ 2 ทางเลือกให้บอร์ด ก.พ.พิจารณา คือ 1.ให้โอนนาย วัลลภไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี หรือ 2.ให้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ของกระทรวง พม. พิจารณา กำหนดตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิเป็นกรณีเฉพาะตัว เพื่อรองรับนายวัลลภ และให้ยุบเลิกตำแหน่งดังกล่าวทันทีที่นายวัลลภเกษียณ

แต่ต่อมานาย วัลลภ ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยปลัดกระทรวงคนใหม่หลังได้รับโปรดเกล้าฯ ก็สามารถเข้าดำรงตำแหน่งได้ทันทีในวันที่ 20 ก.ค.ตามมติของครม. ซึ่งไม่ต้องรอถึงวันที่ 1 ต.ค. ส่วนตนหลังจากเกษียณก็ยังไม่ได้ติดสินใจว่าจะเล่นการเมือง เพราะเป็นเรื่องของอนาคต

สำหรับกรณี ดร.อำพนนั้น มีกระแสข่าวว่าจะถูกโยกไปเป็นปลัดกระทรวงการคลัง แต่ข่าวอีกกระแสหนึ่งทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะผลักดันให้ไปเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แทนนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ
Continue Reading...
 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template