ไทยโพสต์ : พรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรค คือพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคกิจสังคม บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ร่วมกันใน 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 การทำสัญญาระหว่างประเทศ และมาตรา 93 และมาตรา 94 เกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้ง
มีความคืบหน้าที่น่าสนใจยิ่ง คือ 4 พรรคร่วมรัฐบาลสามารถยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พร้อมยื่นให้ประธานรัฐสภา คือ นายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ภายในสัปดาห์นี้ นับเป็นความคืบหน้าที่ไม่รอความชัดเจนจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะลงมติกันในวันอังคารนี้
ในทางการเมือง ถือเป็นการบีบพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง เพราะ 4 พรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวน ส.ส.เพียงพอต่อการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 พรรคร่วมใช้ศักยภาพที่มี นำหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปก่อนแล้ว จึงอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า จะเดินตามเส้นทางที่ 4 พรรคร่วมรัฐบาลปูไว้ให้หรือไม่ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ต้องอธิบายกับประชาชนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็นที่ว่านั้นประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ในขณะเดียวกันต้องรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล คือ ต้องตามใจรัฐบาล นั่นเป็นภาพที่มองกันเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังมีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่
เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงตั้งใจมติหลังพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ประเด็นนี้น่าสนใจ ซึ่งอาจอ้างได้ว่าเพราะมีความเห็นที่แตกต่างกันในพรรค จากการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดกระบี่ มีการถกเถียงกันอย่างรุนแรง และมีแน้วโน้มไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ผู้กำหนดทิศทางพรรคจริงๆ ไม่ใช่ ส.ส. แต่เป็นกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นมติของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์น่าจะออกมาว่า เดินทาง 4 พรรคร่วมรัฐบาล เพราะการไปขัดขวางไม่มีประโยชน์ในมือ 4 พรรคร่วมมีชื่อพอที่จะยื่นแก้ไขได้
อย่างเลวร้ายสุด มติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อาจให้ฟรีโหวต ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับพรรคการเมืองนี้ เพราะยังมีข้ออ้างที่ยังพอรับฟังได้ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 4+1 พรรคร่วมรัฐบาลจะดำเนินไปได้ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ เพราะยังมีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง คือการเคลื่อนไหวล่าสุดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
เป็นความเก๋าทางการเมืองที่ 4 พรรคร่วม โดยนายชุมพล ศิลปอาชา หยิบยกเอาเจตนารมณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อครั้งรับร่างรัฐธรรมนูญที่เราใช้กันในวันนี้ว่า พันธมิตรฯ จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอง โดยรวบรวมรายชื่อ 5 หมื่นชื่อมาขอแก้ไข และการแก้ไขจะมีประเด็นมาตราต่างๆ รวมทั้งมาตรา 93 และมาตรา 94 ด้วย
นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์, นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ประกาศจุดยืนในนาม สมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง (สปป.) ให้รับร่างมติรัฐธรรมนูญปี 50 ไปก่อน แต่ให้มีเงื่อนไขผูกพัน
พันธมิตรฯ หรือ สปป.เคยมีแถลงการณ์ว่า จะรณรงค์ให้มีการปรับปรุงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นการเร่งด่วน เช่น มาตรา 111 ที่มาของ ส.ว. มาตรา 93 ระบบการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 229 มาตรา 242 มาตรา 246 และ 252 ที่เกี่ยวกับการสรรหาองค์กรอิสระ
ต้องยอมรับว่าเป็นเกมที่ทำให้พันธมิตรฯ สะอึกไปเหมือนกัน เพราะแม้พันธมิตรฯ จะประกาศชัดเจนว่า ไม่แก้ไขมาตรา 190 แต่ก็มีประเด็นที่ตรงกันคือ มาตรา 93 และถึงแม้ นายสุริยะใส กตะศิลา และอดีตกรรมการ สปป.จะออกมาระบุว่า ขอให้ย้อนกลับไปดูให้ดีว่า สปป.มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นการแก้ไขเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อนักการเมือง ก็อธิบายยากเมื่อปัจจุบันนายสุริยะใส กตะศิลา ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ดังนั้นใครจะทำเพื่อประชาชนมากกว่าใคร ไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจากประชาชนเอง
แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็นในครั้งนี้ แม้ใครๆ จะบอกว่ามาตรา 190 นั้นสำคัญกว่าการแก้ไขเขตเลือกตั้ง แต่คงไม่ใช่เสมอไป หากพิจารณาดูรายละเอียดมาตรา 93 มาตรานี้ไม่ได้ระบุถึงระบบเลือกตั้งอย่างเดียว แต่หัวใจสำคัญของมาตรานี้ซึ่งไม่มีใครพูดถึงมากนักคือ จำนวน ส.ส.ปัจจุบันอยู่ที่ 480 เป็น ส.ส.เขต 400 และ ส.ส.สัดส่วน 80 คน ถ้ามีการแก้ไขจำนวน ส.ส.เพื่อเหตุผลทางการเมือง โฉมหน้าการเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนไปด้วย แน่นอนผู้กำหนดกติกาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
การตั้งตัวเลข ส.ส.ให้เหมาะสมกับระบบเลือกตั้ง อาจส่งผลโดงตรงต่อความผันแปรของเก้าอี้ ส.ส. ยกตัวอย่าง การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชาชนได้ ส.ส.233 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ได้ 165 ที่นั่ง นับว่าห่างมาก แต่หากไปดูคะแนนที่ประชาชนโหวตให้พรรคกลับพบว่าตัวเลขอยู่ 14 ล้านเสียง เกือบเท่ากัน พรรคประชาธิปัตย์ได้น้อยกว่าแค่หลักแสนเท่านั้น แล้วคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้จะไม่มีใครคิดถึงตัวเลขตรงนี้เลยหรือ.
ข่าว แก้รัฐธรรมนูญ ข่าวการเมือง จาก ไทยโพสต์
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
26 มกราคม 2553
4+1 แก้รัฐธรรมนูญ ระวัง!รื้อรัฐสภา
Author: Admin.
| Posted at: 21:21 |
Filed Under:
ข่าวการเมือง,
ไทยโพสต์,
รัฐธรรมนูญ
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น