ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

25 มกราคม 2553

ผบ.ทบ.ลั่นไม่กลัวคำขู่เสธ.แดง ย้ำไม่ตั้งตัวเป็นมาเฟีย

กรุงเทพธุรกิจ : "พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ."ไม่ หวั่นเสธ.แดงขู่ หลังเกษียณจะโดนเสื้อแดงกระทืบ ย้ำไม่ตั้งตัวเป็นมาเฟียสร้างกองกำลัง ลั่นเกษียณไปมีค่าเท่าประชาชนคนหนึ่ง

ททบ. 5 -พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เป็นประธานวันสถาปนาสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ. 5 ) ครบรอบ 52 ปี พร้อมด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก หลังจา พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการดำเนินการกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หลังจากที่ตำรวจไปค้นบ้านพักพบอาวุธสงครามเป็นจำนวนมากว่า เรื่องเดิมที่ทางกระทรวงกลาโหมได้สั่งพักราชการ ซึ่งการดำเนินการทางศาลอาญาทหารกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ เท่าที่ทราบจากคณะกรรมการที่ดำเนินการในเรื่องนี้ก็จะต้องรอให้เจ้าตัว คือพล.ต.ขัตติยะ มาให้การกับทางคณะกรรมการ อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าตัวยังไม่มาทราบภายในปลายเดือนนี้ ถ้าไม่มีก็สามารถสรุปเรื่องนี้ ส่งให้ทางกระทรวงกลาโหมได้ ส่วนกรณีเรื่องคดีอาญาเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ตั้งแต่วันที่ไปตรวจค้นกันแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายโดยแย่งออกเป็น 2 ส่วน

เมื่อถามว่า พล.ต.ขัตติยะ อ้างว่า มีนายทหารยศร้อยเอก ซึ่งเป็นทหารหน้าห้องของพล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนยัดลูกระเบิดระหว่างการค้นบ้านของพล.ต.ขัตติยะ นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าไม่ทราบ ทราบจากสื่อมวลชน เอาเป็นว่าท่านเป็นคนพูดก็แล้วกันนะ ว่า เราไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ไป แต่เป็นเจ้าหน้าที่ของสารวัตรทหาร และตำรวจไปทำ เราไม่เห็นเหตุผลจะต้องไปทำแบบนั้น ไม่น่าที่จะเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่า เหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 เข้าไปยังสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก ทำไมถึงพุ่งเป้าไปที่พล.ต.ขัตติยะ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการ เพราะการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ได้ให้เจ้ากรมข่าวทหารบกได้ไปเรียนชี้แจงแล้วว่า หน้าที่ของการรักษาความปลอดภัยของกองบัญชาการกองทัพบกเป็นอย่างไร และท่านก็ช่วยสื่อให้สังคมเข้าใจ เราไม่ใช่องค์กรของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นหน่วยราชการตามกฎหมาย เราดูแลพื้นที่ของเราไม่ให้ใครเข้ามาเอาเอกสาร ไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามาได้ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก นี่คือหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของเรา หน้าที่ถ้าจะมีการกระทำมาจากข้างนอกเป็นหน้าที่ของตำรวจตามปกติ

"ถ้าต้องการจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ผมสามารถเรียนท่านได้ว่าจะต้องใช้มาตรการมากกว่า โดยพื้นที่โดยรอบไม่ว่าจะเป็นทางด้านคุรุสภา ด้านหลังวัดตรีทศเทพ รวมทั้งด้านสนามมวยราชดำเนิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวโดยปริมณฑลมันทำได้ทั้งนั้น เราไม่ได้ส่งกำลังออกไปตามที่ว่า ตามปกติเป็นเรื่องของตำรวจต้องดำเนินการ ถามว่าจำเป็นหรือไม่ก็อยู่ที่ว่า ถ้าเป็นกองบัญชาการรบแน่นอนไม่มีใครเข้ามาในรัศมีนี้ได้ แต่ในยามปกติก็จะต้องเป็นแบบนี้" พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.

เมื่อถามว่า เวลานี้มูลเหตุที่กองทัพบกถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 79 คืออะไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเลยครับ ท่านจะให้ประเมินอย่างนั้นง่ายๆ แต่รู้อย่างเดียวว่าบ้านเมืองจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ว่าใครจะยิงใคร หรือยิงในเมืองหลวงมันก็ไม่ได้ทั้งนั้น และใครจะประเมินว่าจะให้ออกจากปากตน โดยที่ประเมินเอาเองคงไม่ถูก เอาเป็นว่าให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนได้หรือไม่ได้อย่างไร เมื่อถามว่า ตอนนี้ในใจคิดว่ามีกี่กลุ่มที่สามารถก่อเหตุได้ในลักษณะแบบนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คิดในใจไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะตอบอย่างไร หากคิดในใจก็ตอบในใจ

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลายคนมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจของผู้บัญชาการทหารบกนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ผมเรียนว่า องค์กรกองทัพบกไม่ได้เป็นภาพอย่างที่ท่านถามผม เพราะไม่ใช่องค์กรของผม แต่เป็นสถาบันหลักของประเทศชาติบ้านเมือง ใครมาอยู่ตรงนี้ ก็จะต้องทำไปตามกฎตามระเบียบที่มี ผมเรียนไปแล้วว่าจุดยืนของเราไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และเราก็ทำหน้าที่ตามที่เราควรจะกระทำ เราไม่ได้ไปอิงอยู่กับฝ่ายใดเป็นสีใดเราไม่มี การที่จะทำเช่นนั้น ผมไม่เห็นเกิดประโยชน์กับสังคม ผมไม่ทราบว่าเจตนาเพื่ออะไร หรือกลุ่มใดก็น่าจะเป็นผลทางด้านลบมากกว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนเป็นคนทำก็ ไม่น่าจะดีทั้งนั้น แต่ทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน ทั้งนี้อย่างที่ท่านชอบใช้ศัพท์ ผมไม่ใช่เจ้าของบริษัทของกองทัพบก เป็นองค์กรของทางราชการ และไม่ใช่ตัวผม และใครมาก็จะต้องทำเช่นนี้ ไม่ได้อย่างใจก็จะไปทำวิธีใดวิธีหนึ่งก็จะต้องใช้กฎหมายว่ากันไป ผมไม่ได้คิดอะไรมากนัก”

เมื่อถามว่า ฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพล.ต.ขัตติยะ จะมีการพูดกันอย่างไรเพื่อหาทางออก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่พวกท่านทราบ ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนทั้งกองทัพบก ก็มีผู้บังคับบัญชารองลงไป ทางท่านผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ขัตติยะ ก็มีสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) ก็คุยกันตลอดเวลา นอกจากนั้นกระแสของเพื่อนในรุ่นก็มีการไปพูดคุยอย่างที่ทราบแล้ว ไม่อยากจะถาม หรือจะตอบท่านว่า จะต้องคุยหรือไม่ต้องคุย เพราะมีกลไกทำกันอยู่

เมื่อถามว่า ท่านคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการเมืองมีส่วนเข้ามาเชื่อมโยงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ท่านอยากให้สรุป พยายามจะให้ตอบว่าตกลงเป็นกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ยิง ไม่รู้ ไม่ทราบ อย่าให้ตนได้เอ่ยเลยว่าใช่หรือไม่ใช่ ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่เป็นคนทำ หากพูดไปจะเป็นประเด็น

เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อกำลังใจของกำลังพลหรือไม่ เพราะ ผบ.ทบ.เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะให้ตอบอย่างไร แต่ถือว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของกองทัพบกน่าสรรเสริญทุกระดับเลย กำลังพลที่ดีๆ ท่านลองดูว่าเขาทำหน้าที่ทั้งปกป้องอธิปไตยของชาติ ดูเรื่องความมั่นคง เช่นที่ภาคใต้ หรือ ดูความสงบเรียบร้อย จะมีส่วนไม่ดีอยู่บ้างก็เป็นธรรมดาของสังคมที่มีองค์กรใหญ่ๆ คนหลายแสนคน แต่ถือว่าน่านับถือน้ำใจผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาเป็นพระเอก แต่จะต้องดูว่าคนที่เป็นตัวตนของกองทัพบก ทั้งองค์กร ซึ่งเรื่องนี้มันประกอบเขาด้วยกัน ถ้าเขาไม่ดี และเราไปสั่งให้เขาทำมันไม่ได้ ดังนั้นเขาจะต้องดีด้วย และผู้บังคับบัญชาก็จะต้องปกครองให้ดีด้วย เพราะตนถือว่าองค์กรของกองทัพบกยังประกันความมั่นคงของประเทศชาติบ้านเมือง ได้ ทุกคนก็ทำตามหน้าที่ กำลังพลที่ดีที่น่าสรรเสริญ ที่น่าดูแลมีอยู่เป็นส่วนใหญ่ของกำลังพล

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ที่ท่านถูกลอบทำลาย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่เคยกลัวเลยครับ ผมไม่กลัวเลย ไม่รู้จะกลัวทำไม” เมื่อถามว่า จะใช้ชีวิตตามปกติอย่างไร เพราะถือว่าตอนนี้ท่านเป็นเป้าหมาย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “อันดับแรกเลย ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาตอบคำถามท่าน เพราะผมไม่เข้าใจต้องทำอย่างไร ตื่นเช้ามาต้องกลัวอะไร ผมเฉย ๆ มาก ไม่เคยรู้สึก ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร ”

เมื่อถามว่า พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง ขู่ว่าหลังจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว อาจจะเจอกลุ่มคนเสื้อแดงรุมกระทืบ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมีค่าเหมือนกับสื่อ เหมือนกับประชาชนคนหนึ่ง ผมจะไม่ตั้งตัวเป็นมาเฟียสร้างกำลัง กองกำลังของตัวเองไม่มี เกษียณไปก็เหมือนประชาชนคนหนึ่ง ประเทศชาติก็จะต้องดูแลผม ถ้าจะมีการทำอะไรแบบที่ว่า บ้านป่าเมืองเถื่อนขนาดนั้น สื่อมวลชนพูดกับคนได้มากกว่าผม”

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติการศาสตร์กองทัพ เกรงหรือไม่ว่าจะทำให้การเมืองกับทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกันมากขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ ตอนนี้กองทัพยังมั่นคง ผมยืนยันสามารถทำได้ทุกอย่างที่ทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย ผมยืนยัน กองทัพบกทั้งกองทัพบกยืนยัน ที่กล่าวอ้างกันไปก็เป็นแค่กล่าวอ้างไปเฉย ”

เมื่อถามว่า จากนี้ไปความสัมพันธ์ส่วนตัวของท่านกับพล.ต. ขัตติยะ จะเป็นอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ผมไม่รู้ ผมเรียนสื่อไปหลายครั้งแล้ว ในชีวิตผมไม่เคยเรียนร่วมกับพล.ต.ขัตติยะ และไม่เคยได้เป็นเพื่อนวิ่งเล่นกันอะไร สื่อสนิทกับผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก(พล.อ.วิชญ์) ลองไปถามดู ว่าไม่เคยไปเรียนกวดวิชากับพล.ต.ขัตติยะ และไม่ทราบว่าพล.ต.ขัตติยะ ไปรู้จักกับใครที่ไหนมา ผมไม่เคยเป็นอะไรที่พิเศษกับเขา แต่ปกติก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาปกติเหมือนกับกำลังพลคนหนึ่ง เมื่อทำผิดก็ว่าตามกฎหมาย ถามว่าโกรธแค้นส่วนตัวหรือไม่นั้น ไม่มี”

เมื่อถามว่า เหตุใดจึงต้องปิดข่าวไม่แจ้งความตั้งแต่ที่เกิดเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มี สื่อพูดเอาเอง ไม่มีใครรู้เรื่อง ความจริงเจ้าหน้าที่ไปเห็นตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา แต่เขาไม่คิดว่าเป็นการถูกยิงระเบิดเข้ามา แต่ไปรู้อีกที เพราะดูจากเว็บไซด์เสธ.แดงดอทคอม แล้วเจ้าหน้าที่ไปทบทวน จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ไม่ได้มีอะไรอย่างที่สื่อนึก ดูละครมามากไป

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับคนเสื้อแดงออกมาระบุว่าจะมีการปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ พูดมาจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว สื่อพูดให้เป็นกระแสทุกวัน เพราะพูดมาหลายสิบหนแล้ว”

ข่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ ข่าว เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ข่าวการเมือง จาก กรุงเทพธุรกิจ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template