ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

04 ธันวาคม 2552

หยุด 65 โครงการมาบตาุพุด เกินเหตุ?

มติชน : "แช่แข็ง" 65 โครงการมาบตาพุด "ตระหนกเกินเหตุ" หรือ "เลวร้ายกว่าที่คิด"

แม้ คำสั่งศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผ่อนปรน 11 โครงการที่เคยถูกระงับการก่อสร้างและการดำเนินงาน ตามคำสั่งศาลปกครองกลางก่อนหน้านี้ ได้ให้สามารถเดินหน้าต่อไป จะถือว่าผ่อนคลายความวิตกของผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องลงไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่อีก 65 โครงการจะต้องชะลอโครงการต่อไป ประเมินกันว่าจะส่งกระทบเป็นวงกว้าง และยังหาคำตอบชัดเจนไม่ได้ว่าการ "แช่แข็ง" จะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

รองนายกรัฐมนตรี

ประธานคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก

คำวินิจฉัยของศาลที่ออกมาครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งดี เพราะเป็นการประกาศออกมาเร็ว ขณะที่รัฐบาลก็มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการดำเนินงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่กำลังพิจารณาในเรื่องการจัดตั้งองค์กรอิสระและการจัดทำประกาศที่กำหนดแนว ทางการดำเนินงาน ทั้งในเรื่องอีไอเอ (การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม) และเอชไอเอ (การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสุขภาพ) ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ความกังวลในเรื่องนี้ ก็มีน้อยลง เพราะอย่างน้อยที่สุด รัฐบาลก็จะได้รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปแบบไหน ในทางตรงกันข้ามถ้าศาลตัดสินออกมาช้า อาจจะกลายเป็นปัญหามากกว่านี้

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

กระทรวง อุตสาหกรรมไม่สามารถสั่งระงับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในพื้นที่มาบตา พุดและใกล้เคียง ตามคำสั่งศาลได้ เพราะไม่รู้ว่าจะระงับด้วยวิธีการอย่างไร ขอบข่ายของคำว่าระงับคืออะไร นอกจากนี้ในทางปฏิบัติโครงการในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ประกอบการเพียงแต่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งตามคำสั่งศาลให้ระงับโครงการที่ประกอบกิจการ ดังนั้นโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจึงดำเนินต่อได้

นายประสาน ตันประเสริฐ

ประธานคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

ใน วันที่ 4 ธันวาคม จะส่งหนังสือไปยังผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจำนวน 53 โครงการที่ถูกระงับการก่อสร้างและดำเนินการในเชิงพาณิชย์ เพื่อหารือถึงคำสั่งศาลปกครอง และแจ้งถึงอำนาจที่ศาลปกครองสูงสุดให้ไว้ อย่างไรก็ตาม กนอ.จะต้องรอฝ่ายนโยบายกำหนดแนวทางก่อน เพื่อให้ปฏิบัติตามต่อไป

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส

ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

ผล ของคำสั่งศาลปกครองสูงสุด มีโครงการในกลุ่มบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (SCG Chemicals) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 18 โครงการที่จะถูกระงับโครงการไว้เป็นการชั่วคราว และมี 2 โครงการได้รับการยกเว้นตาม ซึ่งทั้ง 18 โครงการ เป็นโครงการใหม่ โครงการขอขยายกำลังการผลิต หรือขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 57,500 ล้านบาท ซึ่งมีบางส่วนพร้อมเปิดดำเนินการแล้ว ขณะที่บางส่วนจะทยอยเปิดดำเนินการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2553 เป็นต้นไป จากคำสั่งศาลจะทำให้โครงการล่าช้าไปบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการและคณะกรรมการที่ เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางปฏิบัติร่วมกันให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)

ก่อน หน้านี้กลุ่ม ปตท.มีความกังวลต่อการชะลอโครงการในกลุ่ม ปตท. รวม 25 โครงการ เงินลงทุนรวม 130,000 ล้านบาท แต่หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ 11 โครงการเดินหน้าต่อไป ซึ่งมีโครงการในกลุ่ม ปตท. จำนวน 7 โครงการได้รับการผ่อนปรนและสามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้มีโครงการของ ปตท. ได้รับผลกระทบเหลือประมาณ 60,000 ล้านบาท

"ต้อง ยอมรับว่าผลกระทบในมาบตาพุดส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งใน ประเทศและต่างประเทศระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่อ่อนไหว โดยภาคเอกชนต้องการเห็นข้อกำหนดของภาครัฐให้มีความชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่ทราบว่าการดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมดก่อนหน้านี้จะถูก เปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าทั้งภาครัฐและส่วนอื่นจะเร่งสร้างความชัดเจนโดยเร็ว"

นายพิชิต ลีละพันธ์เมธา

ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสนับสนุนธุรกิจ

บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)

บริษัท มี 2 โครงการที่ถูกระงับ คือ โครงการขยายกำลังการผลิตผงพลาสติคโพลีไวนิลคลอไรด์สายการผลิตที่ 8 และสายการผลิตที่ 9 และโครงการขยายกำลังการผลิตไวนิลคลอไรด์ โมโนเมอร์ของโรงงานที่ 1 และโรงงานที่ 2 ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นโครงการปรับปรุงกำลังการผลิต เงินลงทุนรวม 280 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับกำลังการผลิตเดิมของบริษัท

นายอาทิตย์ นันทวิทยา

รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์

ใน แง่ของความเดือดร้อนของลูกค้าธนาคารที่มีการลงทุนในมาบตาพุด มีแน่นอน เนื่องจากเม็ดเงินที่ลงทุนในโครงการดังกล่าวค่อนข้างสูง แต่ไม่กระทบต่อสินเชื่อธนาคาร เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นส่วนขยายของธุรกิจไม่ใช่ธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้ไม่กระทบถึงรายได้ของบริษัทที่ลงทุน จึงไม่มีผลต่อการชำระหนี้ของลูกค้า ดังนั้นความกังวลที่ว่าจะกลายเป็นหนี้เสียคงไม่ถึงขั้นนั้น

"เท่าที่ ดูลูกค้ามีความเดือดร้อนในแง่ของเงินลงทุนที่ลงไป แต่ไม่ได้ถึงขั้นไม่มีรายได้ ในส่วนของแบงก์ไม่มีผลกระทบจากเรื่องนี้จนจะต้องตัดเป็นหนี้สูญหรือตั้ง สำรองในตอนนี้ เพราะลูกค้ายังสามารถชำระได้อยู่ ซึ่งธนาคารพยายามเข้าไปดูแลลูกค้าในเรื่องดังกล่าว

ในเร็วๆ นี้จะมีการพูดคุยในกรณีดังกล่าวกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาทางแก้ปัญหาต่อไป แต่โดยรวมเชื่อว่าเรื่องนี้สามารถหาทางออกได้แน่นอน เพราะหลายฝ่ายต่างพยายามหาทางแก้ไขทั้งในส่วนของรัฐบาล และคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่มีอดีตนายกฯอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน

นายโย จิตสึคาตะ

ประธานหอการค้าญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

รู้สึก วิตกกังวลอย่างมากต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะจะกระทบอย่างกว้างขวางต่ออุตสาหกรรมในประเทศไทย เนื่องจากไม่เพียงกระทบต่อแผนงานธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องแต่ยังกระทบ ต่อบริษัทต่างๆ ซึ่งได้วางแผนจะซื้อวัตถุดิบจากโครงการที่ถูกระงับอีกด้วย

ปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อมควรจะได้รับการพิจารณาในแง่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หากปัญหานี้ไม่ถูกแก้ไขในเร็วๆ นี้ จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

"เรารู้สึกกังวลว่า การสั่งระงับจะทำลายอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคพื้นฐานและความสามารถการแข่งขัน ของประเทศไทยและทำให้นักลงทุนรวมทั้งญี่ปุ่นหมดกำลังใจที่จะลงทุนในประเทศ ไทย เราจึงหวังว่ารัฐบาลไทยจะแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน และโครงการทั้งหมดจะสามารถดำเนินต่อไปได้โดยปราศจากปัญหา"

ที่มา ข่าวมาบตาพุด ข่าวการเงินการลงทุน ข่าวอุตสาหกรรม ข่าวปัญหาสิ่งแวดล้อม จาก มติชน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template