มติชน : 3 ธ.ยักษ์มั่นใจหนี้มาบตาพุดไม่เสีย
ธปท.ห่วงฉุดเอกชนเมินลงทุนใหม่ โบรกฯคาดกำไรPTTCHร่วง36%
3 แบงก์ใหญ่มั่นใจ"ปูนใหญ่-ปตท." ฐานะการเงินยังปึ้ก รับมือปัญหามาบตาพุดไหว ไม่เกิดปัญหาเบี้ยวหนี้ ขณะที่ ธปท.เผยแบงก์ปล่อยสินเชื่อมาบตาพุด 9 หมื่นล้าน ถึงเสียหาย ก็แค่ทำเอ็นพีแอลเพิ่ม 1.5% แต่ห่วงผลกระทบจิตวิทยาฉุดการลงทุนใหม่ไม่เกิด โบรกฯคาดปีหน้า PTTCH อ่วมสุด กำไรหาย 36% ตามด้วยปูนใหญ่ 18%
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานผลสำรวจแนวโน้มสินเชื่อของสถาบันการเงินในไตรมาส 4 ปี 2552 ว่า สถาบันการเงินคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นของธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยลบจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ลดลงจากไตรมาสก่อน หน้า สะท้อนว่าโดยรวมธุรกิจยังไม่มีการลงทุนใหม่ เนื่องจากกังวลถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเสถียรภาพการเมือง และผลกระทบทางจิตวิทยาจากกรณีการระงับโครงการลงทุนที่มาบตาพุด
อย่าง ไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. ได้ประเมินผลการปล่อยสินเชื่อในโครงการมาบตาพุดว่า มีสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการในพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง แล้วกว่า 90,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมโครงการต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากเกิดความเสียหายจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ หรือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้งหมด 90,000 ล้านบาท หรือ 1.5% ของสินเชื่อรวม คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ประมาณ 0.3% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่น่ากังวล
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินผลกระทบจากระงับโครงการในมาบตาพุดว่า ได้สอบถามไปยังธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 7 แห่ง ส่วนใหญ่ได้รับการยืนยันว่ามูลหนี้ที่ปล่อยสินเชื่อนั้น ไม่ได้มีนัยจนสร้างความกังวล โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพยังมีความเชื่อมั่นต่อสภาพคล่องทาง การเงินของบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้หลักของ ปตท. และกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ระบุว่า ผลกระทบน่าจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพราะทั้ง 2 บริษัทมีกระแสเงินสดสูงถึงปีละ 1 แสนล้านบาท และ 4 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่ บล. ธนชาต จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ว่า หากปัญหามาบตาพุดยืดเยื้อ 3-12 เดือน ผลกระทบคือ 1.ต่างชาติอาจเบนเข็มไปลงทุนประเทศอื่นแทน 2.ธปท.คาดว่าจีดีพีปี 2553 จะหายไป 0.5% จากที่ประมาณการไว้ 3.3-5.3% หากยืดเยื้อไปอีก 1 ปี และ 3.กำไรของบริษัท ปตท.เคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH อาจลดลง 36% ปูนซิเมนต์ไทย 18% ปตท. 12% และ ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR 5%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งระงับ 65 โครงการในมาบตาพุดนั้น ไม่กระทบต่อสินเชื่อธนาคาร เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นส่วนขยายของธุรกิจไม่ใช่ธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ จึงไม่มีผลต่อการชำระหนี้ของลูกค้า โดยขณะนี้ลูกค้ายังสามารถชำระหนี้ได้อยู่
"ในเร็วๆ นี้จะมีการพูดคุยกับ ธปท.และสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาทางแก้ปัญหาต่อไป แต่โดยรวมเชื่อว่าหาทางออกได้แน่นอน เพราะหลายฝ่ายพยายามหาทางแก้ไข"
นาย ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารนครหลวงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อโครงการมาบตาพุดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ได้รับผลกระทบเพราะโครงการได้รับอนุมัติให้ดำเนินการต่อได้
ที่มา ข่าวมาบตาพุด ข่าวการเงิน การลงทุน ข่าวปัญหาสิ่งแวดล้อม ข่าวอุตสาหกรรม จาก มติชน
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
04 ธันวาคม 2552
ธนาคารมั่นใจ หนี้มาบตาพุดไม่เสีย
Author: Admin.
| Posted at: 21:03 |
Filed Under:
ข่าวการเงิน,
ข่าวสิ่งแวดล้อม,
มติชน,
มาบตาพุด
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น