ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

27 เมษายน 2553

บึ้มถี่...สร้างเกมกดดันรัฐบาล

งานนี้หากรัฐบาลยังไม่สามารถ “คลี่คลาย” เหตุระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ภายในเร็ววัน แรงกดดันต่างๆ ย่อมย้อนกลับมายังรัฐบาล

โดย...ทีมข่าวการเมือง โพสต์ทูเดย์

เริ่มคุมไม่อยู่จนเหตุระเบิดป่วนเมืองพุ่งสูงกว่า 69 ครั้ง นับจากต้นเดือน มี.ค. และยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายได้ในเร็ววัน ตรงกันข้ามกับเพิ่มความถี่และทวีความรุนแรงอย่างไม่หยุดหย่อน ขณะที่ “รัฐบาล” ยังไม่สามารถจับมือใครดมได้ แถมยังปล่อยให้เกิดเหตุอุกอาจต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่

ล่าสุดช่วงดึกของคืนวันที่ 5 เม.ย. เกิดเหตุระเบิดยิงเอ็ม 67 ใส่ป้อมตำรวจหน้าบ้านพัก บิ๊กเติ้ง บรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นหนที่ 2 ในรอบ 1 เดือน สร้างความเสียหายหนักกว่าเก่า จนมีผู้บาดเจ็บ 11 คน รถยนต์เสียหาย 1 คัน

เวลาไล่เลี่ยกันเกิดเหตุยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่อาคารสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ถนนมหิดล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สร้างความเสียหายกับห้องทำงานรอง ผบ.ภ.5 และห้องธุรการชั้นล่าง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

นับเป็นการลูบคมเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เฝ้ารักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวด บริเวณประตูทางเข้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเวรรักษาความปลอดภัยอยู่ภายในอาคาร

ตามมาด้วยการพบระเบิดเค 75 หน้าโชว์รูมคาร์แม็กซ์ พระราม 9 แต่เนื่องจากยังไม่ได้ดึงเซฟตีชิปออก จึงทำให้ระเบิดไม่ทำงาน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายเท่ากับระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 2 ลูก รัศมีทำลายกว้างถึง 30 เมตร

ยังไม่รวมกับเหตุป่วน พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณสี่แยกสีลม ใกล้กับห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งภายหลังการพิสูจน์พบว่าเป็นเพียงยางในรถยนต์ โดยสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือพวกป่วนเมืองหวังสร้างสถานการณ์

เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดไล่เลี่ยกันชุดนี้ แม้เบื้องต้นจะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นความตั้งใจให้เกิดขึ้นในห้วงเวลา เดียวกัน หรือพบความเชื่อมโยงของแต่ละเหตุการณ์หรือไม่ ทว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นอีกสัญญาณอันตรายของรัฐบาล หากยังไม่สามารถจัดการแก้ไขได้

ยิ่งเป็นที่ประจักษ์ว่า “พัฒนาการ” ความรุนแรงที่เกิดขึ้น กำลังลุกลามบานปลายขึ้นทุกที ตั้งแต่ช่วงแรกที่ยังเป็นระเบิดน้ำมันก๊าซมาเป็นเอ็ม 67 เอ็ม 79 ระเบิดเค 75 ระเบิดอาร์พีจี ระเบิดแสวงเครื่อง ที่เพิ่มอำนาจทำลายล้างมากขึ้นเรื่อยๆ

จำแนกเป็นระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 20 ครั้ง อาร์พีจี 3 ครั้ง ระเบิดเอ็ม 67 หรือ 26 จำนวน 21 ครั้ง ที่เหลือเป็นระเบิดแสวงเครื่อง

ขณะที่ “เป้าหมาย” เริ่มหวังผลให้เกิดความปั่นป่วน สร้างความหวาดวิตกให้เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ยิงระเบิดไปยังกลุ่มคนสีลมจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ตามมาด้วยการเหตุระเบิดหน้าบ้าน “บิ๊กเติ้ง” เป็นหนที่ 2

ทว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก เมื่อ “บรรหาร” ในฐานะคีย์แมนสำคัญที่สามารถชี้เป็นชี้ตายว่าจะกอดคอร่วมกับรัฐบาลต่อไป หรือจะกระโดดลงจากรัฐนาวาลำนี้ ซึ่งจะมีผลทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่พร้อมจะเดินตาม

เมื่อท่าทีภายหลังเสียง “บึ้ม” ลูกแรก “บิ๊กเติ้ง” ยังไม่แสดงอาการหวั่นไหว ยืนยันจุดยืนเดิมไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาเวลานี้ พร้อมแบไต๋เรียกร้องเสียงหนักแน่น ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงต้องติดตามว่าหลังจากเสียงบึ้มลูกที่ 2 ท่าที “บิ๊กเติ้ง” จะเปลี่ยนไปหรือไม่

ที่สำคัญ แนวโน้มความรุนแรงผ่านเหตุระเบิดป่วนเมือง คงจะไม่หยุดอยู่แค่ 69 ครั้ง เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ซ้ำเติม เขย่าเสถียรภาพรัฐบาลที่ไร้ความสามารถจัดการปัญหา ปล่อยให้เกิดเหตุสร้างความสูญเสียเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ท่ามกลางสถานการณ์ความอ่อนแรงของ “เสื้อแดง” โดยเฉพาะหลังจากนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาปัดข้อเสนอให้ยุบสภา 30 วัน ระลอกใหม่ จน “เสื้อแดง” เริ่มหมดมุข หันมาถอดเสื้อแดงเปลี่ยนเป็นเสื้อคละสีเพื่อหลีกเลี่ยงการปราบปรามของเจ้า หน้าที่
ยิ่งปล่อยให้การชุมนุมในพื้นที่ราชประสงค์ทอดเวลานานออกไปเท่า ไหร่ “เสื้อแดง” ยิ่งจะอ่อนแรงมากขึ้นเท่านั้น สถานการณ์ที่เคยได้เปรียบจนรัฐบาลยอมออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระเริ่มเปลี่ยน ไป จนเกิดกลุ่มหลากสี กลุ่มสีลม ออกมาต่อต้าน “เสื้อแดง” เพิ่มมากขึ้น

ศึกหนักในเวลานี้ของรัฐบาลจึงไม่ใช่อยู่ที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเหตุระเบิดป่วนเมืองที่ไม่สามารถระบุว่าเป็นฝีมือใคร กำลังหนักข้อขึ้นทุกที หากรัฐบาลยังไม่สามารถจัดการได้ในเร็ววัน ย่อมส่งผลต่อเก้าอี้นายกฯ และอนาคตของรัฐบาล

แน่นอนว่า “เป้าหมาย” เหตุระเบิดสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ต่างๆ มุ่งหวังจะดิสเครดิตรัฐบาลกับการไร้ความสามารถในการบริหารจัดการ ยังหลงอยู่กับประเด็นวนอยู่กับเรื่อง “ก่อการร้าย” แต่ไม่สามารถนำไปสู่การคลี่คลาย หรือทำให้สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ผ่าน มา 16 วัน หลังจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมย่านราชดำเนิน จนมีผู้เสียชีวิต 25 คน บาดเจ็บกว่า 800 คน รัฐบาลยังไม่เข้าใกล้ความจริงกับการเข้าใกล้ “ผู้ก่อการร้าย” ที่รัฐบาลหยิบยกขึ้นมาตอบโต้ข้อครหา “มือเปื้อนเลือด”

ถึงจะจับตัว “เมธี อมรวุฒิกุล” 1 ใน 24 เสื้อแดง ที่ถูกศาลออกหมายจับ จนนำมาสู่การยอมรับว่าเป็นแนวหน้าในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในวันที่ 10 เม.ย. หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา พร้อมกับยึดอาวุธปืนกลมือของทหารนำอาวุธไปแจกจ่ายให้พวกหลายคน

ไปจนถึงข้อมูลชื่อคนสั่งยิง และคนระดับหัวหน้า ที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า ได้ข้อมูลจาก “เมธี” แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมยืนยันว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

เมื่อยังไม่สะสางปัญหาเก่าได้ แถมยังต้องเผชิญกับเหตุระเบิดรายวันที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น “รัฐบาล” ย่อมต้องเผชิญกับแรงเสียดทานมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เห็นการทำงานของตำรวจและทหารมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงดังเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนไปขึ้นตรงกับ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) รวมถึงการจัดกำลังหน่วยชุดเคลื่อนที่เร็ว ขึ้นมารับมือสถานการณ์

งานนี้หากรัฐบาลยังไม่สามารถ “คลี่คลาย” เหตุระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ภายในเร็ววัน แรงกดดันต่างๆ ย่อมย้อนกลับมายังรัฐบาล ยิ่งยืดเยื้อเท่าไหร่ ยิ่งมีแต่จะทำให้รัฐบาลอยู่ในตำแหน่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template