ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

26 กุมภาพันธ์ 2553

ศาลยึด 4.6 หมื่นล้าน “ทักษิณ”

เดลินิวส์ : ศาลฎีกาฯ เสียงข้างมากสั่งยึดทรัพย์ “ทักษิณ” 46,373 ล้านบาท เฉพาะค่าหุ้นชินฯ ที่เพิ่มขึ้น-เงินปันผล

วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องของอัยการสูงสุด ที่ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 ส.ค.51 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำนวน 76,621,603,061.05 บาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน นั้น ได้กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีออกมาตรการต่าง ๆ 5 กรณี เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัท ชินคอร์ป และบริษัทในเครือ 5 กรณี ดังนี้ 1.คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ด้วยเสียงเอกฉันท์ 2.คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และอนุกรรมการไต่สวน มีอำนาจในการไต่สวนคดีดังกล่าว และกระบวนการไต่สวนเป็นไปโดยชอบ ขณะที่การแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นไปโดยชอบ และมีอำนาจดำเนินการต่อจาก คตส. องค์คณะฯ จึงมีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า ผู้ร้อง (อัยการสูงสุด) มีอำนาจในการยื่นคำร้องในคดีนี้

3.องค์คณะฯ มีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า คำร้องของผู้ร้องแจ้งชัด และไม่เคลือบคลุม 4.องค์คณะฯ เริ่มพิจารณาประเด็นการอำพราง หรือ "ซุกหุ้น" ชินคอร์ป จำนวน 1,419.49 ล้านหุ้น ในชื่อลูก ๆ และเครือญาติ และมีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า ผู้ถูกกล่าวหา (พ.ต.ท.ทักษิณ) เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่แท้จริงในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายก รัฐมนตรี 2 สมัย 5.องค์คณะฯ มีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การออกเป็นพระราชกำหนด แปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นค่าภาษีสรรพสามิต เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ชินคอร์ป และบริษัทในเครือ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท

6.องค์คณะมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนในการแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่าย เงินล่วงหน้า (PREPAID CARD) เอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (เอไอเอส) 7.องค์คณะมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนในแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (ROAMING) และกรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายรวม เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัท เอไอเอส แต่เนื่องจากมีการขายหุ้นชินคอร์ป ให้แก่เทมาเส็ก เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 แล้ว ทำให้ผู้ได้รับประโยชน์จากการลดอัตราการใช้เครือข่ายร่วมไม่ใช่ผู้ถูกกล่าว หา แต่เป็นกลุ่มเทมาเส็ก

8.องค์คณะฯ มีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดย มิชอบหลายกรณี ได้แก่ การอนุมัติโครงการดาวเทียม IP STAR, การอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน ครั้งที่ 5 วันที่ 27 ตุลาคม 2547 ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปฯ ใน บริษัท ชินแซทเทิลไลท์ ที่เป็นผู้ขออนุมัติสร้าง และส่งดาวเทียมไทยคม และการอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปเช่าช่อสัญญาณต่างประเทศอันเป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัท ชินคอร์ปฯ และ บริษัท ชินแซทฯ

9.องค์คณะมีมติเสียงข้างมากว่า การอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่ง ประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เพื่อนำไปซื้อสินค้า และบริการของบริษัท ชินแซทฯ โดยเฉพาะ ซึ่งครั้งแรกผู้ถูกกล่าวหาได้สั่งการเห็นชอบให้เอ็กซิมแบงก์ให้วงเงิน 3,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า แล้วต่อมาได้สั่งการเห็นชอบเพิ่มวงเงินกู้อีก 1,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4,000 ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของสหภาพพม่า โดยให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน รวมทั้งให้ขยายระยะเวลาปลอดการชำระหนี้ การจ่ายเงินต้นจาก 2 ปี เป็น 5 ปี เพื่อประโยชน์ของบริษัท ชินแซทฯ ที่ผู้ถูกกล่าวหา และครอบครัวชินวัตรกับพวกมีผลประโยชน์ถือหุ้นอยู่ ในการให้ได้รับงานจ้างพัฒนาระบบโทรคมนาคมจากรัฐบาลสหภาพพม่า

10.องค์คณะมีมติเสียงข้างมากว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท ชินคอร์ป เอไอเอส และ ชินแซทฯ โดยตรง อันมีผลทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัท ชินคอร์ป สูงขึ้น รวมทั้งได้เงินปันผลจำนวนดังกล่าว ศาลจึงมีอำนาจในการยึดทรัพย์ที่ได้จากเงินค่าขายหุ้น และเงินปันผล ซึ่งเป็นทรัพย์สิน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template