กรุงเทพธุรกิจ : เอไอเอสไม่หวั่นตัดสินคดียึดทรัพย์วันนี้ ชี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ยันบริษัททำตามสัญญาสัมปทานทุกอย่าง
นายพรรัตน์ เจนจรัสสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานวางแผนและวิเคราะห์การตลาด บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีความกังวลในการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากเป็นเรื่องของบุคคล ส่วนเรื่องสัญญาสัมปทานนั้น มั่นใจว่าบริษัทได้ดำเนินการทุกอย่างตามสัญญา ทำให้ไม่มีความกังวล
"การตัดสินคดี ขอให้แยกวิเคราะห์ระหว่างตัวบุคคลกับองค์กร ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ทำสัญญาถูกต้อง ฉะนั้นจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดไปจากสัญญาหรือมีผลกระทบ จึงไม่ได้ห่วง"
การที่บริษัทตัดสินใจจ่ายปันผลพิเศษในงวดปี 2552 อีกหุ้นละ5 บาท แทนที่จะนำเงินไปใช้หนี้นั้น เนื่องจากประเมินแล้วว่าการนำเงินไปใช้หนี้ไม่คุ้มเพราะหนี้ส่วนใหญ่ของ บริษัทเป็นหุ้นกู้ ซึ่งมีการซื้อขายในตลาด ทำให้ต้นทุนการซื้อคืนสูงมากและนักลงทุนที่ถือหุ้นกู้อยู่ก็ใม่ต้องการขาย ก่อนครบกำหนด ส่วนหนี้ที่เป็นซัพพรายเออร์มีประมาณ 1 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศทำให้บริษัทต้องการมีประกันความเสี่ยงไว้ การที่จะไปปิดสัญญาก็มีต้นทุนสูงกว่าการจ่ายดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลพิเศษหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนเพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต และพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
ในปีนี้เตรียมใช้เงินลงทุนจำนวน 6,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากกระแสเงินสดในการดำเนินงาน ซึ่งใช้ลงทุนในโครงข่าย ซึ่งยังไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ เนื่องจากในปัจจุบันยังมีกระแสเงินสดจำนวน 30,000 ล้านบาท และกำไรสะสมเหลืออยู่อีก 40,000 กว่าล้านบาท
"กระแสเงินสดในตอนนี้มีอยู่ที่ 30,000 กว่าล้านบาท และยังมีวงเงินกู้ที่จะออกพันธบัตรจำนวน 15,000 ล้านบาท ซึ่งขออนุมัติไว้แล้ว แต่ปีนี้คงไม่มีการออกเพราะไม่มีการลงทุนในโครงการ 3G' นายพรรัตน์ กล่าว
ส่วนการออกใบอนุญาต 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHZ คาดว่าในปีนี้คงยังไม่เกิด หลังจากยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ขณะเดียวกันคาดว่าคณะกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) จะรอผลการแต่งตั้งคณะกรรมการกทช. 4 ท่านให้เสร็จสิ้นก่อนจะดำเนินการออกใบอนุญาต 3G ต่อไป นอกจากนี้ กทช.ยังรอความคิดเห็นจากสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเรื่องขอบเขตอำนาจ ของกทช. ภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 อีกด้วย ฉะนั้นในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอีก 1-2 ปีข้างหน้าคาดว่า 3G น่าจะเกิดขึ้น
สำหรับทิศทางการทำธุรกิจของบริษัทในปีนี้ นายพรรัตน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 3% จากปี 2552 มีรายได้อยู่ที่ 102,451 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักในปีนี้มาจากการให้บริการ โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้จากส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 95,812 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88%ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรจะช่วยกระตุ้นปริมาณการใช้งานในพื้นที่ ต่างจังหวัดให้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านราย จากปีก่อนที่มีผู้ใช้บริการ 5 ล้านราย ขณะที่เน็ทซิมและแอร์การ์ดคาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการจะเพิ่มขึ้นจาก 270,000 ราย ในปีก่อน เป็น 500,000 รายในปีนี้ รวมทั้งทีวีออนโมบายช่วยผลักดันปริมาณการใช้งานข้อมูลให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
26 กุมภาพันธ์ 2553
เอไอเอส ไม่หวั่นตัดสินคดียึดทรัพย์วันนี้
Author: Admin.
| Posted at: 08:13 |
Filed Under:
กรุงเทพธุรกิจ,
ข่าวการเงิน,
ข่าวการเมือง,
คดี 76000 ล้าน,
AIS
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น