ข่าวสด รายงานพิเศษ : ยืด เยื้อมานานแรมปี กระทั่งก้าวมาถึงจุดไคลแมกซ์ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมืองจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเครือญาติ 22 ราย ออกมาในลักษณะไหน
แต่ไม่ว่าคำพิพากษาจะเป็นอย่างไร ท่ามกลางความแตกแยกและขัดแย้งทางการเมือง ย่อมมีคำถามตามมาทั้งจากกลุ่มที่พอใจและไม่พอใจผลตัดสินนั้น
นักวิชาการได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น หลังมีคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ออกมา ว่าจะนำไปสู่การยุติปัญหา หรือเป็นเชื้อฟืนสุมไฟการเมืองให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น จนถึงขั้นเลือดตกยางออกอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์
รัฐบาลภายใต้การ นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะฝ่าคลื่นขัดแย้งไปได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยจะไปในทิศทางใด ไว้ดังนี้
ไพรัช ตระการศิรินนท์
คณบดีคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สถานการณ์ภายหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับหลายฝ่าย โดยเฉพาะถ้าฝ่ายตุลาการตัดสินอย่างตรงไปตรงมา มีคำอธิบายให้สังคมกระจ่างได้ คำตัดสินเกิดจากหลักเกณฑ์ มีเหตุมีผล ไม่พิจารณาตามกระแส เชื่อว่าคนในสังคม คนมีการศึกษา สามารถรับฟังได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากว่าจะเกิดปัญหา
ส่วนฝ่ายการเมืองซีก รัฐบาล ถ้าทำงานมีหลักเกณฑ์ ตรงไปตรงมา ใช้กลไกเครื่องมือรัฐอย่างมีเหตุมีผล มีการก่อเหตุวุ่นวาย รัฐบาลตั้งแต่นายกฯ ลงมาถึงส่วนราชการต่างๆ ร่วมมือทำงานในทิศทางเดียวกัน ใช้กฎหมายอย่างรอบคอบ ใช้กฎหมายตรงไปตรงมา ใครผิดว่าไปตามผิด ใครถูกว่าไปตามถูก บ้านเมืองก็จะไปรอดเพราะสังคมกำลังมองตรงนี้อยู่เช่นกัน
ไพรัช ตระการศิรินนท์ /น.พ.วันชัย วัฒนศัพท์ /สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
ขณะที่สื่อมวลชนทุกสาย รวมทั้งวิทยุชุมชนต้องมองเพื่อบ้านเมือง นำเสนอข้อมูลตรงไปตรงมา ไม่ใส่อารมณ์
หากทำได้เชื่อว่าเหตุการณ์ไม่น่าจะรุนแรงบานปลาย
คนทั่วประเทศ พลังเงียบส่วนใหญ่มีวิจารณญาณ ผมเชื่อในการตัดสินของพลังเงียบมากกว่าพวกเชิงก้าวร้าวรุน แรง มองอย่างนี้บ้านเมืองไม่น่าวุ่นวาย
ส่วนที่เสื้อแดงเคลื่อนไหวไล่บี้นายกฯ มากขึ้น หรือการนัดชุมนุมใหญ่ช่วงเดือนมี.ค. ถ้ารัฐบาลหนักแน่นพอ ใช้ความระมัดระวัง หากกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวขับไล่หรือขัดขวางจนรัฐบาลทำงานไม่ได้ ก็ต้องใช้กฎหมายจัดการ ไม่ต้องกลัวกระแส
ถ้ารัฐบาลใช้กฎหมายไม่ได้ก็ลำบาก ชาวบ้านอาจไม่ศรัทธา
ดังนั้น การจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ขึ้นกับว่ารัฐบาลมีความสามารถในการบริหารจัดการ สถานการณ์มากแค่ไหน ใช้เครื่องมือกลไกรัฐอย่างไร โดยประสบการณ์และบทเรียนที่รัฐบาลเรียนรู้มากว่า 1 ปี น่าจะเตรียมการได้รอบคอบ จัดการสถานการณ์ได้ดีกว่าที่ผ่านมา
วันนี้คนจำนวนมากโดยเฉพาะพลังเงียบ มองฝ่ายต่างๆ ทั้งรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านหรือกลุ่มคนเสื้อแดง ออกหมดแล้วว่าฝ่ายไหนทำอะไรบ้าง ดังนั้น ฝ่ายไหนใช้ความรุนแรงแล้วอธิบายไม่ได้ ก็มีปัญหาแน่นอน
แต่สถานการณ์เบื้องต้นผมยังมองในแง่ดีว่าไม่น่าเกิดความรุนแรงขึ้น ทุกอย่างจะผ่านไปได้
น.พ.วันชัย วัฒนศัพท์
ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันพระปกเกล้าฯ
หัวหน้าทีมประสานเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม
คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัวที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ.นั้น ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาว่าต้องยึดทรัพย์หรือไม่ยึดทรัพย์ คงมีทั้งคนที่สมหวังและผิดหวัง ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ประชาชนทุกคนไม่ควรไปตระหนกหรือวิตกกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น เราควรมองไปข้างหน้า
ผมมองว่าการที่ประเทศเรามีวิกฤตเช่นนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ภาคประชาชนมีโอกาสโตขึ้นกว่าเดิม ถ้ามีการสานเสวนาและแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมทั้งฝันร่วมกันว่า ประชาธิปไตยของประเทศไทยจะต้องเดินหน้าต่อไป และฝันร่วมกันอีกว่าหลังจากนี้เราจะมีนักการเมืองที่มีคุณลักษณะอย่างไร และเราจะทำอย่างไรให้ได้นักการเมืองที่มีคุณลักษณะอย่างที่เราฝันไว้
หลังจากประเทศผ่านวิกฤตความรุนแรงทางการเมืองมาหลายครั้งหลายหน ขณะนี้คงถึงเวลาแล้วที่เราควรหยุดสร้างความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นมือตบหรือตีนตบ ควรจะหันหน้ามาพูดคุยและร่วมกันพัฒนาประเทศกันดีกว่า รวมทั้งทุกฝ่ายควรที่จะหันไปมองและนำอดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียน
ถ้าทุกฝ่ายสามารถทำได้ประเทศคงเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน อีกทั้งเราคงได้นักการเมืองที่ฟังเสียงของประชาชนมากขึ้น
ส่วน ที่หลายฝ่ายพยายามตั้งคำถามและมองว่าหลังการอ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ทุกอย่างจะจบลงหรือไม่นั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทุกคนน่าจะได้บทเรียนจากเหตุการณ์เมื่อครั้งเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงไม่สามารถนำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงควรนำเรื่องดังกล่าวกลับมา ทบทวนว่า ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหาทางการเมืองในตอนนี้
ผม เชื่อว่าหลังจากวันที่ 26 ก.พ.ทุกอย่างน่าจะก้าวข้ามวิกฤตไปได้ และไม่น่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น และทุกฝ่ายควรที่จะยุติความรุนแรง แต่หากกลุ่มการเมืองต่างๆ ต้อง การออกมาชุมนุมก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง
สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ไม่ว่าผลการพิจารณาคดียึดทรัพย์จะออกมาเช่นไร การเคลื่อนไหวของฝ่ายเสื้อแดงและฝ่ายค้านจะดำเนินต่อไป ยังไม่จบแน่นอน เพราะฝ่ายที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณต้องการสถานภาพเดิม ต้องการล้างไพ่ใหม่หมด คือพ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องติดคุก ไม่ถูกยึดทรัพย์ เนื่องจากคดีความของพ.ต.ท. ทักษิณยังมีอีกหลายคดีด้วยกัน ฝ่ายสนับสนุนอดีตนายกฯ คงจะไม่เลิกราง่ายๆ แน่
สำหรับในการพิจารณาคดียึดทรัพย์สามารถออกได้ทั้งหัวและก้อย คือไม่โดนยึดทรัพย์เลย กับโดนยึดบ้างหรือโดนยึดทั้งหมด
สมมติว่าออกก้อย ยึดทรัพย์บ้าง ไม่ยึดทรัพย์บ้าง กลุ่มเสื้อแดงก็จะไม่พอใจ และคงมีแรงต่อต้านจากประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน หลังจากนั้นจะมีการเผชิญหน้าเกิดขึ้นอีก ความไม่พอใจก็ยังมีอยู่
แต่ถ้าออกหัวก็ไม่เป็นไร แต่ยังไม่จบ เพราะมีอีกหลายคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณต้องรับโทษ มันจะไปเพิ่มพลังให้แก่ฝ่ายเสื้อแดงให้ต่อสู้ต่อ ความขัดแย้งก็ยังมีอยู่ ก็ไม่ยอมแน่นอน
ยกเว้นว่ากรณีที่เป็นลักษณะออกก้อย แม้จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นต่อกัน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย ที่จะทำให้ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นลดลง อำนาจก็มีการเปลี่ยนแปลง แต่ขาดเสถียรภาพ ทำให้การเผชิญหน้ายังมี ต่อไป เพราะเสื้อแดงและฝ่ายค้านยังต้องการสถานภาพเดิม
ฉะนั้นไม่ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย สถานการณ์ทางการเมืองก็ยังไม่จบ
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
26 กุมภาพันธ์ 2553
การเมืองไทยหลังคดียึดทรัพย์?
Author: Admin.
| Posted at: 08:16 |
Filed Under:
ข่าวการเงิน,
ข่าวการเมือง,
ข่าวสด,
คดี 76000 ล้าน
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น