คมชัดลึก : ดูเหมือนว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินเข้าสู่จุดอับ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลที่ล้วนแต่เป็นคนที่ศาลสั่งห้ามยุ่งการเมืองกำลังเดิน หมากกดดันหนัก จนทำให้อาจจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
คนทั่วไปมองกันอย่างนั้น !
เพราะมองเห็นว่า การอยู่รอดของรัฐบาลนี้ หากไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันโอบอุ้ม ก็ไม่มีวันมีนายกรัฐมนตรีชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะมองเห็นว่า นอกจากเกมที่พรรคร่วมรัฐบาลบีบแล้วยังมีแรงปะทะจากด้านอื่น ที่มี ทักษิณ ชินวัตร ชักใยให้ปั่นป่วน เพื่อหวังจะกลับมาในฐานะผู้บริสุทธิ์
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนทางมันไม่ได้ตีบตันไปจนถึงขั้นที่ว่า ในวันอังคารที่ 26 มกราคมนี้ จะเป็นวันแตกดับของประชาธิปัตย์
เพราะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ 19 คน ยังมีทางเลือก แก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ หรือจะโยนกลับมาให้ ส.ส.ในพรรคฟรีโหวต เพราะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องของสภา หรือถ้าจะแก้ก็ให้มีเงื่อนไขว่า ต้องทำประชาพิจารณ์ หรืออาจจะต้องวางเงื่อนไขว่า ถ้าแก้ก็ให้เอา 6 ประเด็นที่คณะกรรมการสมานฉันท์สรุปเอาไว้เป็นหลัก
ไม่ใช่แก้ มาตรา 94 เพียงเพราะเพื่อให้พรรคเล็กที่กลายเป็นเพื่อนร่วมคณะรัฐบาลได้ประโยชน์
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะต้องเสียสละ อย่างที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยกมาเป็นเหตุผล
แต่เหตุผลที่แท้ก็คือ หลักที่ประชาธิปัตย์วางเอาไว้แต่แรกแล้วว่า หากจะแก้ก็เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
อย่างที่ ชวน หลีกภัย ลุกขึ้นอธิบายให้ฟังกลางที่ประชุม จ.กระบี่ จนปากเปียกปากแฉะ
4 หนที่ ชวน หลีกภัย ยกหลักการมาตอบโต้หลักการยืดอายุรัฐบาล ที่ประธานที่ประชุมยกมาเป็นเรื่องใหญ่ ชนิดช็อตต่อช็อต เพราะอีกฝ่ายพยายามโน้มน้าวให้เสียงในพรรคร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"ถ้าเราไม่เป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องรักษาบ้านเมือง รักษาหลักการเอาไว้ เพื่อรักษาหลักการนี้เอาไว้ เราไม่เป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร"
นี่คือ ชวน หลีกภัย...ที่ครั้งหนึ่งยอมมาแล้วกับเหตุผลที่ว่า "ไม่มีเขาเราก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล"
เพราะครั้งนั้นคือการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ที่มองแล้วถึงอย่างไรก็ยังเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ยังกำกับดูแลกันอยู่
แต่ครั้งนี้เป็น "หลักการของบ้านเมือง" ที่ ชวน หลีกภัย ยืนยันว่า ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือการป้องกันการซื้อเสียงได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นั่นหมายความว่า การจ้องที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 94 นั้น ชวน หลีกภัย ไม่เห็นด้วย และเดินหน้าคัดค้านอย่างเต็มที่
แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องราวที่เกินเลยไปกว่าที่ ชวน หลีกภัย ว่าไว้
มาตรา 94 นั้น ไม่เอื้อให้แก่พรรคขนาดเล็กเท่าใดนัก
เขตที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ต้องทำงานหนักขึ้น
หากจะใช้เงินซื้อ ก็ต้องทุ่มมากขึ้น แต่ก็อาจจะกลายเป็นความสูญเปล่า เหมือนเมื่อครั้งการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด
แต่นั่นก็คือ หลักการที่สำคัญที่รัฐธรรมนูญวางเอาไว้ เพื่อให้ ส.ส.ต้องใกล้ชิดประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ทำงานให้มากขึ้น ทำหน้าที่ให้หนักยิ่งขึ้น
ไม่ใช่ยุคของ เศรษฐี-หมาหลง นึกจะหิ้วกระเป๋าไปโปรยแบงก์ลงที่ใดก็ได้ ไม่มีอีกแล้ว
เหตุผลของ ชวน หลีกภัย ก็ไม่ต่างจากเหตุผลของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่มองว่า การแก้ไขมาตรานี้ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์
แต่เป็น ส.ส.จอมขี้เกียจ และมักง่าย ชื่นชอบ
ถ้าได้บทสรุปตรงนี้แล้ว ถามว่า ประชาธิปัตย์จำเป็นไหมที่จะต้องดิ้นรนหาทางเลือกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่
เพราะไม่ว่าจะเลือกทางใดก็หนีไม่พ้นที่จะถูกตราหน้า ขายหลักการเพียงเพื่อรักษาเก้าอี้
ทั้งที่เพียงแค่ถามตัวเองว่า ยังมีความภาคภูมิใจกับการเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ มีประเพณีปฏิบัติที่ชัดเจน มีหลักการที่ได้รับการยอมรับอยู่หรือไม่...คิดได้เพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่ เรื่องยากเย็นเข็ญใจอันใดที่จะตัดสินใจ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องไปพึ่งพาเสียงข้างมากของกรรมการบริหารพรรคเสียด้วยซ้ำ ไป
ยกเว้นว่า ในวันนี้ประชาธิปัตย์เหลิงอยู่กับอำนาจ หลงไปกับวาสนาที่พลิกผันให้ได้มาเป็นรัฐบาล และระเริงไปกับมันจนลืมหลักการที่ให้ไว้ต่อประชาชน
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า ประชาธิปัตย์ในวันนี้เพียงแค่ขอให้ได้อยู่ในอำนาจ หนำซ้ำยังหลงลืม ละเลย เสียงเตือนของผู้อาวุโสในพรรค ที่พยายามเรียกสติให้กลับมาสู่ "จุดขาย" ของพรรค ไม่ให้เดินไปสู่จุดหายนะอย่างที่หลายพรรคประสบชะตากรรมไปในก่อนหน้า
แค่นี้คิดไม่ได้แล้วจะเป็นไปทำไมรัฐบาล ถ้าหาก "หลักการ" มีเพียงแค่ว่า โอบอุ้ม หอบหิ้วกันไปเพื่อให้อยู่ในอำนาจ โดยไม่สนใจเสียงครหา "ทรยศประชาชน"
ข่าวการเมือง ข่าวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ข่าวพรรคประชาธิปัตย์ จาก คมชัดลึุก โดย ศรุติ ศรุตา
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
26 มกราคม 2553
จะเป็นไปทำไมรัฐบาล
Author: Admin.
| Posted at: 21:34 |
Filed Under:
ข่าวการเมือง,
คมชัดลึก,
พรรคประชาธิปัตย์,
รัฐธรรมนูญ
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น