คมชัดลึก :ใน ที่สุด “ปมร้อนวาระแก้รัฐธรรมนูญ” ก็มาถึงจุดระเบิด ที่พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องฟันธงว่าจะ “แก้” หรือ “ไม่แก้” หลังจากถูกพรรคร่วมกดดันอย่างหนัก
เพื่อแลกกับความอยู่รอดของ ”รัฐนาวาประชาธิปัตย์”
เพราะอย่าลืมว่า หนึ่งในเงื่อนไขของการพลิกขั้ว ดันประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นแกนนำรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ คือการไปทำสัญญาใจกับพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 มาตรา 94 ระบบเขตเลือกตั้ง
เมื่อประชาธิปัตย์เล่นเกมยื้อเวลามานานร่วมปี แต่ยังไม่เห็นทางออก จึงเป็นเหตุผลให้พรรคร่วมรัฐบาลออกมาทวงสัญญาขย่มค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม
คำตอบทั้งหมดจึงอยู่ที่ ”ประชาธิปัตย์” จะตัดสินใจว่า จะเลือกทางเดินตามทางที่ ”พรรคร่วม” ขีดเส้นให้ หรือ ”ยอมเสียจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศไม่แก้รัฐธรรมนูญมาตั้งแต่แรก พร้อมกับแตกหักพรรคร่วม
นาทีนี้ประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนทางสองแพร่ง ที่ต้องตัดสินใจเลือกชี้ชะตาอนาคตทางการเมืองของพรรค ที่ตกอยู่ในสภาพต้องจำใจ
ว่า จะยอมกลืนน้ำลาย ทรยศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ เพียงเพื่อนั่งชูคอเสวยสุขอยู่บนกองอำนาจวาสนา หลังจากอดอยากปากแห้งมานานเกือบ 10 ปี
คำตอบสุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ 19 คน ที่จะตัดสินใจชี้ชะตาอนาคตพรรคในวันนี้
ไม่เฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้นที่กำลังรอฟังคำตอบจากปากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังมีประชาชนทั้งประเทศจับตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาทางหนึ่งทางใด ย่อมส่งกระทบต่อค่ายสะตออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากประชาธิปัตย์เดินหน้าแก้ไขตามข้อเสนอของพรรคร่วม
นั่นหมายความว่าจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลไปได้เปลาะหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองรุมเร้ารัฐบาล
โดยเฉพาะในช่วงข้าศึกประชิดประตูเมือง เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ประกาศเดินหน้าทวงคืนอำนาจและทรัพย์สิน เพื่อต่อรองกับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์ตัดสินในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
รวมไปถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย เตรียมจ่อคิวเชือดอภิสิทธิ์ และเหล่าบรรดารัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นในโครงการ ของรัฐบาล
ถ้าเลือกทางนี้ ก็เป็นการซื้อใจพรรคร่วม กอดคอกันต่อสู้กับ ”ระบอบทักษิณ” ต่อไปจนกว่าจะตายกันไปคนละข้าง แต่ขณะเดียวกันก็เท่ากับว่า “ประชาธิปัตย์” ยอมเปลี่ยน ”จุดยืนทางการเมือง”
เท่ากับเป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งภายในประชาธิปัตย์ให้ร้าวมากขึ้น
เพราะอย่าลืมว่า สมาชิกพรรคบางส่วนไม่พอใจท่าทีของ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค ที่ไปเสนอเงื่อนไขกับพรรคร่วม กลายเป็นการผูกมัดพรรคจนยากที่จะหาทางออก
นั่นหมายความว่า จะมีการงัดข้อเกิดขึ้นระหว่างขุมกำลังภายในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะผู้อาวุโส ไม่ว่าจะเป็น ชวน หลีกภัย ส.ส.สัดส่วน และประธานสภาที่ปรึกษาพรรค บัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค และอดีตหัวหน้าพรรค ต่างออกมาประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะที่มาของ ส.ส.จากเขตเดียวเรียงเบอร์ มาเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว
ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ”เปิดช่องซื้อเสียงได้ง่ายขึ้น” และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ที่นั่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์น้อยลงกว่าเดิมจนกลายเป็นพรรคเล็กในที่สุด
ดังนั้นจึงต้องเกิดศึกประลองกำลังภายในพรรค ระหว่างสาย "ชวน-บัญญัติ" กับสายของ "สุเทพ" ที่ประกาศหนุนพรรคร่วมอย่างสูง ถึงขนาดขู่ "อภิสิทธิ์" เตรียมยุบสภาได้เลย หากไม่เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจนำไปสู่ความแตกหักภายในพรรค
เพราะยามนี้สายใกล้ชิด “ชวน-บัญญัติ“ เริ่มเคลื่อนไหว โหวตสวนมติของคณะกรรมการบริหารพรรค หากเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน การแก้เกมที่หวังรักษาเสถียรภาพอาจจะไม่ได้ผล เผลอๆ พรรคร่วมอ่านทางออกว่า ”เล่นเกมตีสองหน้าและหักหลังพรรคร่วม”
นอกจากนี้ยังทำให้ ”เสียแนวร่วม” โดยเฉพาะ ”เครือข่ายสีเหลือง” กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศยกพลบุกหน้าสภาหากมีการยื่นญัตติแก้ไข
คนที่เสียมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ประกาศจุดยืนไว้ตั้งแต่ต้นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านประชามติของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศเท่านั้น
แม้ "อภิสิทธิ์" จะพยายามอธิบายว่า การแก้ไขเพียงสองประเด็นไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่สองประเด็นนี้ล้วนเป็นผลประโยชน์ของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลแทบทั้งสิ้น
แต่หากประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยกับข้อเสนอของพรรคร่วม ก็สุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ในยามที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ที่ออกมาขู่เปลี่ยนขั้วรัฐบาลตลอดเวลา ท่ามกลางสภาพเสียงปริ่มน้ำ
สถานการณ์จึงเข้าทางพรรคร่วมที่ออกมาขู่โหวตสวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในศึกซักฟอกเร็วๆ นี้
นั่นหมายถึง ”การเปลี่ยนขั้วการเมือง” !!!
เพราะการอภิปรายครั้งนี้จะต้องมีการแบรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีประกอบการอภิปรายด้วย
ทั้งยังจะทำให้การทำงานในสภาไม่ราบรื่น หลังจากที่พรรคร่วมขู่ไม่ยกมือโหวตผ่านร่างกฎหมายสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์ปลุกปั่นมวลชน ชุมนุมใหญ่ทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัดของ "ทักษิณ" และกลุ่มคนเสื้อแดง หวังโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
พร้อมๆ กับที่มีความพยายามสร้างสถานการณ์การเมืองเพื่อนำไปสู่การยุบสภา และสร้างเงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติ
พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องคิดหนัก เพราะทั้งสองทางเลือกล้วนมี "ผลกระทบทางการเมือง" ตามมาทั้งสิ้น
ข่าวการเมือง ข่าวแก้ไขรัฐธรรมนุญ จาก คมชัดลึก โดย บัญชา แข็งขัน
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
26 มกราคม 2553
ทางเลือก-ทางรอด ปชป.เรื่อง แก้ไขรัฐธรรมนูญ
Author: Admin.
| Posted at: 21:33 |
Filed Under:
ข่าวการเมือง,
คมชัดลึก,
รัฐธรรมนูญ
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น