Suthichaiyoon.com : สอบเครียด5ผู้ต้องสงสัยคาซัคสถาน-เบลารุส คาดขนอาวุธสงครามจากเกาหลีเหนือส่งขาย"บิน ลาเดน"
"ตำรวจ-ศุลกากร-ทหาร" ผนึกยึดเครื่องบินขนจรวด-อาวุธหนักราว 35-40 ตัน จากเกาหลีเหนือ หลังขอลงฉุกเฉินที่ดอนเมือง รวบชาวคาซัคสถานกับเบลารุส 5 คน สอบสวน เผยสหรัฐประสาน สมช.ตรวจสอบหลังติดตามพฤติกรรมกลุ่มก่อการร้ายมานาน คาดเป็นกลุ่มเจไอของ "โอซามา บิน ลาเดน" ที่ซื้อจากเกาหลีเหนือ
โดยต่อมาเจ้าหน้าที่นำอาวุธทั้งหมด รวมทั้งเครื่องบินไปเก็บรักษาไว้ที่ค่ายทหารอากาศตาคลี จ.นครสวรรค์ "นายกฯ"อุบไต๋ไม่บอกว่าได้รับรายงานมาจากฝ่ายใดในการจับกุม "สุเทพ" ระบุเป็นความร่วมมือจากหลายฝ่าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำคลังสินค้าภายในประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เข้าทำการตรวจสอบเครื่องบินลำเลียงแบบทหาร รุ่น IL 76 (อิลยูชิน 76) สีขาว เลขข้างตัวเครื่อง 4L-AWA สัญชาติคาซัคสถาน ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ เพื่อขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน ช่วงเช้าวานนี้ (12 ธ.ค.)
จากการตรวจสอบปรากฏว่า เจ้าหน้าที่พบตู้เหล็ก และลังไม้ขนาดใหญ่ บางส่วนแยกบรรจุหีบห่อมาอย่างดี โดยบรรทุกมาเต็มลำเครื่อง รวมน้ำหนักประมาณ 35-40 ตัน แต่ภายในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดกลับเป็นอาวุธสงคราม ประเภทอาวุธหนักหลายชนิด อาทิเช่น ท่อส่งจรวด หัวจรวด จรวดอาร์พีจี เป็นต้น โดยอาวุธประเภทท่อส่งจรวดนั้น มีรายงานว่าเป็นท่อส่งจรวดที่ยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ หรือกราวน์มิซซาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตรวจสอบอาวุธสงครามบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวชาวต่างชาติทั้งหมด 5 คน เป็นชาวเบลารุส 1 คน คาซัคสถาน 4 คน ในจำนวนนี้ มีนักบินรวมอยู่ด้วยให้ลงจากเครื่อง เพื่อขอทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยในเบื้องต้นมีรายงานว่า ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า สิ่งของที่อยู่บนเครื่องนั้นเป็นเพียงชิ้นส่วน หรืออะไหล่ของอาวุธสงครามเท่านั้น
แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่า เป็นอาวุธสงครามร้ายแรง และมีพิรุธในการสำแดงรายละเอียดของสินค้า จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทราบ ก่อนจะอายัดเครื่องบินและสินค้าทั้งหมดไว้ พร้อมกับควบคุมตัวชาวต่างชาติทั้ง 5 คน เพื่อรอการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารอากาศ และทหารบก ได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาขนถ่ายอาวุธสงครามทั้งหมดออกจากเครื่องบิน ก่อนจะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก. 1 บก.ป. นำล่ามภาษาจากตำรวจท่องเที่ยวเข้าทำการสอบปากคำชาวต่างชาติทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวมาลงจอดที่ประเทศไทยเพื่อเติมน้ำมัน จากนั้นทั้งหมดได้นำเครื่องบินเดินทางไปยังกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ก่อนจะกลับมาแวะเติมน้ำมันในวันนี้ แต่มาถูกตรวจสอบพบว่าในลำเครื่องมีการบรรทุกลำเลียงอาวุธสงครามมาเต็มลำ โดยอาวุธสงครามทั้งหมดนี้ คาดว่านำมาจากเกาหลีเหนือแต่จุดหมายปลายทางยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเป็นประเทศใดในแถบตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ในการขนส่งอาวุธสงครามผ่านน่านฟ้าประเทศไทยนั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิดฐานสำแดงเท็จด้วย แต่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนของกลางอาวุธสงครามทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ รวมทั้งเครื่องบินนั้น เจ้าหน้าที่ทหารได้นำขึ้นรถบรรทุกไปเก็บรักษาไว้ที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 ทหารอากาศ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จากนั้นจะประสานพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สรรพาวุธตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบอาวุธสงครามทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนชาวต่างชาติทั้งหมดหลังจากสอบสวนที่คลังสินค้า ดอนเมืองแล้วพนักงานสอบสวนจะนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม และควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังกองปราบปราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาวุธดังกล่าวถูกตรวจยึดไว้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการประสานงานจากหน่วยข่าวกรอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประสานกับศุลกากร และ ตม. และเมื่อเช้าวานนี้ก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ จำนวน 2 ชุดไปปฏิบัติการในครั้งนี้ คือ เจ้าหน้าที่จากหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) เพื่อไปควบคุมเครื่องบิน ส่วนอีกชุดหนึ่ง คือ เจ้าหน้าที่จากกรมสรรพาวุธทหารอากาศ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธที่พบในเครื่องบิน เพราะเกรงว่าอาวุธที่อยู่ในเครื่องอาจจะพร้อมใช้จะทำให้เกิดอันตรายได้
ทางด้านแหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคงของไทย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ประสานมายังสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ช่วยจับตาเครื่องบินต้องสงสัยที่จะผ่านมายังน่านฟ้าประเทศไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวได้ติดตามพฤติกรรมกลุ่มก่อการร้ายเจไอของนายโอซามา บิน ลาเดน พบว่ามีความเคลื่อนไหวในการติดต่อขอซื้ออาวุธจากประเทศเกาหลีเหนือ
โดยการข่าวของสหรัฐ ระบุด้วยว่า กลุ่มก่อการร้ายได้ตกลงซื้อขีปนาวุธและวัตถุระเบิดจำนวนมาก มีการจ่ายเงินและส่งมอบอาวุธกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะขนกลับทางเครื่องบิน จึงขอให้ทางการไทยช่วยตรวจสอบเครื่องบินต้องสงสัยทุกชนิดที่จะเข้ามายังประเทศไทย
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมีปลายทางอยู่ที่ประเทศยูเครน ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวได้วิเคราะห์กันว่า สาเหตุที่เครื่องบินลำนี้ขอลงจอดฉุกเฉิน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเติมน้ำมัน อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง แต่อาจเป็นไปได้ว่าถูกเครื่องบินขับไล่ของประเทศใดประเทศหนึ่งติดตาม จึงต้องร่อนลงฉุกเฉิน เพราะไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาลงจอดที่สนามบินดอนเมือง
ขณะที่แหล่งข่าวทางการทหาร เปิดเผยว่า สาเหตุที่เครื่องบินลำดังกล่าวต้องลงจอดที่สนามบินดอนเมือง ก็เพราะกองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ 16 ขึ้นประกบทันทีที่บินเข้าน่านฟ้าไทย และบังคับให้ลงจอดเพื่อตรวจค้น
5 ผู้ต้องหายังไม่ให้การใดๆ
เมื่อเวลา 20.30 น. พ.ต.อ. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.ท. ศรีประเสริฐภาพ รอง ผกก. 1 บก.ป. พร้อมกำลังคอมมานโดกองปราบปรามได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 5 คน ที่ขนอาวุธสงครามร้ายแรงมาทางเครื่องบิน ประกอบด้วย นายอเล็กซ์ซานดระ ไซรเนฟ (Alexandr Zrybnev) อายุ 53 ปี นายวิคเตอร์ อัลดุลลายาฟ (Viktor Abdullayev) อายุ 58 ปี นายวิทาลี ซุนดอฟ (Vitaliy Shumkov) อายุ 54 ปี นายอิลยาส อิสซาคอฟ (ILyas Issakov) อายุ 53 ปี ทั้งหมดสัญชาติคาซัคสถาน และนายมิคาอิล พีทูคู (Mikhail Petukhou) อายุ 54 ปี สัญชาติเบลารุส มาคุมขังระหว่างการสอบสวนที่ห้องขังกองปราบปราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้ทำการตรวจสิ่งของภายในกระเป๋าสัมภาระ และทำบันทึกทรัพย์สินของแต่ละคนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำตัวเข้าห้องขังเพื่อรอการสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่ให้การใดๆ เนื่องจากต้องการให้พนักงานสอบสวนประสานนำเจ้าหน้าที่ล่ามภาษารัสเซียมาร่วมสอบปากคำ
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับทั้งหมดในความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยการจับกุมครั้งนี้ มีการแจ้งเส้นทางการบิน ว่า เดินทางมาจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ โดยมีจุดหมายปลายทาง คือ ประเทศศรีลังกา
นายกฯ ชี้เครื่องบินขนอาวุธสำแดงเท็จ
ขณะที่เมื่อเวลา 20.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีเจ้าหน้าที่ไทยตรวจค้นเครื่องบินต่างชาติและยึดอาวุธสงครามจำนวนมาก ว่า ได้รับรายงานแล้ว เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งพูดเป็นการสำแดงเท็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาต่อความมั่นคงในประเทศไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่มีครับ ไม่มี" เมื่อถามว่า จะต้องตรวจสอบหรือไม่ว่า เกิดเหตุขึ้นได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นการข่าวร่วม ซึ่งทำให้ได้เบาะแสมาจึงดำเนินการไป
สุเทพระบุเป็นความร่วมมือจากหลายฝ่าย
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนและนายกฯ ได้รับทราบรายงานมาตลอด โดยทราบว่าจะมีเครื่องบินที่จะขนอาวุธ จึงดำเนินการตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ของเราได้ประชุมหารือกันและดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกระบวนการ และเมื่อเขาดำเนินการแล้ว จะได้รายงานรายละเอียดให้ตนทราบ
"เรื่องนี้เกี่ยวพันกับหลายฝ่าย ประเทศเจ้าของเครื่องบิน ประเทศของลูกเรือ ซึ่งเป็นคนสัญชาตินั้นๆ และประเทศที่สั่งซื้อสินค้า ประเทศที่จำหน่ายสินค้า เพราะฉะนั้น ทุกอย่างจะดำเนินการตรงไปตรงมา นโยบายของเราคือทำทุกอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง"
เมื่อถามว่า เครื่องบินดังกล่าวขอลงประเทศไทยด้วยเหตุใด นายสุเทพ กล่าวว่า ตนขอเรียนตามรายงานได้ว่า ขอลงจอดฉุกเฉินเพื่อเติมน้ำมัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับภายในประเทศของเราในขณะนี้ ขอให้มีรายงานข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนก่อน แล้วจะได้ปรึกษาหารือกัน จึงจะเปิดเผยให้ทราบข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแจ้งขอลงจอดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ผ่านมา หรือช่วงเย็นของวันที่ 12 ธ.ค. นายสุเทพ กล่าวว่า ขอให้ตนได้ประชุมเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อจะได้ตกลงกันได้ว่าพูดจาอะไรได้แค่ไหนอย่างไรหรือไม่ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินเรื่องเรียบร้อย ตนเชื่อว่าวันจันทร์ที่ 14 ธ.ค.หรือวันอังคารที่ 15 ธ.ค.นี้ ตนสามารถเรียกประชุมได้ ส่วนอาวุธที่ยึดไว้ คงต้องดูตามกฎหมายว่าต้องทำอย่างไร
ที่มา ข่าวอาวุธสงคราม ข่าวอาชญากรรม จาก Suthichaiyoon.com
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
13 ธันวาคม 2552
สอบเครียด 5 ผู้ต้องหาขนอาวุธสงคราม
Author: Admin.
| Posted at: 09:50 |
Filed Under:
ข่าวอาชญากรรม,
อาวุธสงคราม,
Suthichaiyoon.com
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น