ไทยสร้างปัญหาโลกร้อนอันดับ 24 ของโลก

Suthichaiyoon.com : ไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับ 24 ของโลก

สถาบันทรัพยากรโลก เผยจีนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในโลก รองลงมาคือ สหรัฐ ส่วนไทยรั้งอันดับ 24 ขณะที่ผู้ร่วมประชุมโลกร้อนชุดแรก 450 ชีวิต จาก 192 ประเทศทั่วโลก เดินทางด้วยรถไฟถึงโคเปนเฮเกน ซึ่งจัดโดยองค์การสหประชาชาติ เพื่อหารือแก้ปัญหาลดโลกร้อนร่วมกันอย่างเป็นทางการวันนี้ (7 ธ.ค.)

สถาบัน ทรัพยากรโลก จัดอันดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ 186 ประเทศ โดยอ้างอิงข้อมูลเมื่อปี 2548 ปรากฏว่า ไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 24 ของโลก และปล่อยก๊าซดังกล่าวต่อหัวประชากรมากเป็นอันดับที่ 71 ของโลก

ผลการจัดอันดับ ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่ปล่อยมากที่สุดในโลก 7,219.2 เมตริกตัน (1 เมตริกตันเท่ากับ 1,000 กิโลกรัม) คิดเป็นสัดส่วน 19.12% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก แต่เมื่อคำนวณเป็นรายหัวประชากร ชาวจีนปล่อยคนละ 5.5 ตัน เป็นอันดับที่ 72 ของโลก สหรัฐเป็นประเทศที่ปล่อยมากเป็นอันดับ 2 ของโลก 6,963.8 เมตริกตัน คิดเป็น 18.44% ของการปล่อยทั้งโลก และปล่อยต่อหัวประชากร 23.5 ตัน เป็นอันดับ 7 ของโลก

สหภาพยุโรป (อียู) 27 ประเทศ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกัน 5,047.7 เมตริกตัน คิดเป็น 13.37% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก และปล่อยต่อหัวประชากร 10.3 ตัน เป็นอันดับ 39 ของโลก รัสเซียปล่อยมากเป็นอันดับ 4 ของโลก 1,960 เมตริกตัน หรือ 5.19% ของโลก และปล่อยต่อหัวประชากร 13.7 ตัน เป็นอันดับ 18 ของโลก อินเดียปล่อยมากเป็นอันดับ 5 ของโลก 1,852.9 เมตริกตัน หรือ 4.91% ของโลก และปล่อยต่อหัวประชากร 1.7 ตัน เป็นอันดับ 120 ของโลก

ประเทศไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 24 ของโลก 351.3 เมตริกตัน หรือ 0.93% ของโลก และอัตราการปล่อยก๊าซดังกล่าว ต่อหัวประชากร 5.6 ตัน เป็นอันดับ 71 ของโลก ส่วนประเทศที่ปล่อยต่อหัวประชากรมากที่สุดในโลกคือกาตาร์ คนละ 55 ตัน ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 38.8 ตัน คูเวต 35 ตัน และลักเซมเบิร์ก 27.5 ตัน

ผู้ร่วมประชุมทยอยถึงโคเปนเฮเกน

ขบวนรถไฟ สาย "Climate Express" นำเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นักเคลื่อนไหวด้านปัญหาโลกร้อน และผู้สื่อข่าวรวม 450 คน เดินทางออกจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ถึงกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กแล้ว หลังจากใช้เวลาเดินทางนานถึง 14 ชั่วโมง ก่อนการประชุมปัญหาโลกร้อนจะเริ่มขึ้นในวันนี้ และนางลิกเค่ ฟริส รัฐมนตรีด้านพลังงานและภูมิอากาศของเดนมาร์กได้จัดพิธีต้อนรับเล็กๆ ภายในร้านอาหารของสถานีรถไฟ

การเดินทางของรถไฟขบวนนี้ โดยใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นความพยายามเพื่อรณรงค์ให้โลกตระหนักถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายสู่การพัฒนา เศรษฐกิจที่ทำให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง และประชาชนพึ่งพาระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น แทนการขับรถยนต์ที่ต่างคนต่างปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมา

เจ้าหน้าที่ของเดนมาร์ก กล่าวว่า การเดินทางของรถไฟสายนี้เป็นระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตรได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 33 กิโลกรัมต่อผู้โดยสาร 1 คน น้อยกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน ที่จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 115 กิโลกรัมต่อผู้โดยสาร 1 คน

การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกที่กรุงโคเปนเฮเกน ระหว่างวันที่ 7-18 ธันวาคม นี้ คาดว่าจะมีตัวแทนจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมเกือบ 15,000 คน ตั้งเป้าว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำสนธิสัญญาฉบับใหม่ที่ กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจนถึงขณะนี้ มีประมุขและผู้นำรัฐบาลของประเทศต่างๆ รวม 103 คนรับปากว่าจะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ รวมถึงนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐ

ผู้นำอินเดียยืนยันร่วมประชุมโลกร้อน

นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ยืนยันจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่กรุงโคเปนเฮเกน และจะขึ้นปราศรัยในการประชุมระหว่างการเยือน ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมนี้ ซึ่งการยืนยันครั้งนี้มีขึ้น หลัง จากนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องอย่างแข็งขันให้ นายกรัฐมนตรีซิงห์ เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ให้ได้

เมื่อวันพฤหัสบดี (3 ธ.ค.) ที่ผ่านมา อินเดียประกาศจะลดอัตราส่วนมลพิษจากการผลิตลง 20-25% เทียบกับระดับเมื่อปี 2548 นอกจากนี้ ยังมีแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยกำหนดมาตรฐานการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าในปี 2554 รวมทั้งบังคับใช้เกณฑ์อาคารประหยัดพลังงาน และปรับปรุงเทคโนโลยีลดการก่อมลพิษสำหรับโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อ เพลิง

ปัจจุบัน อินเดีย ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจากสหรัฐ จีน รัสเซีย และอินโดนีเซีย และแม้ประชากรอินเดีย จะมีอัตราส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำเฉลี่ยคนละ 1 ตันต่อปี เทียบกับสหรัฐ ซึ่งสูงถึงคนละ 20 ตันต่อปี แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มากถึง 1,200 ล้านคน ทำให้อินเดีย กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด

กรีนพีซเผยแคมเปญลดโลกร้อน

กลุ่มกรีนพีซเปิดตัวแคมเปญล่าสุด ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดสภาวะอากาศโลก จะเปิดฉากขึ้นในนี้ ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยผู้นำและตัวแทนจากหลายประเทศทั่วโลก ทยอยเดินทางมาร่วมการประชุมสภาวะอากาศโลกที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นผู้ให้การสนับสนุน

ในการประชุมครั้งนี้ บรรดาผู้ร่วมประชุมจากทุกประเทศ จะเห็นภาพโปสเตอร์ที่กลุ่มกรีนพีซนำมาติดทั่วกรุงโคเปนเฮเกน โดยบุคคลที่อยู่ในภาพโปสเตอร์ คือ ภาพดิจิทัลของเหล่าผู้นำโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า พร้อมข้อความที่เขียนว่า “เราเสียใจ เราสามารถหยุดยั้งหายนะจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะอากาศได้ แต่เราไม่ทำ” ซึ่งตัวอักษรเหล่านี้ จะแสดงเป็นตัวหนาใต้ภาพแต่ละภาพ ที่ประกอบด้วยผู้นำสหรัฐ ผู้นำฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีของสเปน

ผลสำรวจชี้คนกังวลโลกร้อนน้อยลง

ผลสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนกว่า 27,000 คน ใน 54 ประเทศ ของนีลเสน โค และ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ที่ทำการสำรวจเมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ประชากรโลกส่วนใหญ่ มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศน้อยลงเมื่อเทียบกับ ช่วงสองปีก่อนหน้านี้ โดยครั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามมีความวิตกเรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเพียง 37% จาก 41% ในการสำรวจเมื่อสองปีก่อน

"ความห่วงใยเรื่องอากาศเปลี่ยนแปลงเริ่มบรรเทาลง ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการชะลอตัวลงของภาวะเศรษฐกิจโลก" แถลงการณ์ของนีลเสน โค ระบุ

ในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากสุดเป็นอันดับสองรองจากจีน และถือเป็นชาติอุตสาหกรรมเพียงชาติเดียวที่ไม่ได้ลงนามในพิธีสารเกียวโตนั้น จำนวนผู้ที่วิตกกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศลดลงเหลือ 25% จาก 34% สวนทางกับจีน ที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมากเป็น 36% จาก 30% ในการสำรวจก่อนหน้านี้

ผลสำรวจชิ้นนี้ บ่งชี้ว่า ประชาชนที่วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมากที่สุดอยู่ ในภูมิภาคละตินอเมริกา และกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สูงสุดคือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเพิ่งถูกโจมตีด้วยไต้ฝุ่นหลายลูกเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา วิตกกังวลเรื่องนี้ 78%

"อ็อกซ์แฟม"ประณามยุโรป

อ็อกซ์แฟม กลุ่มรณรงค์ต่อต้านความยากจน ออกแถลงการณ์โจมตีบรรดานักการเมืองยุโรปฉกฉวยประโยชน์จากงบประมาณสำหรับให้ ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาในปัจจุบัน และนำมาปัดฝุ่นใหม่เพื่อบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงต่อสู้กับปัญหาโลก ร้อน โดยยืนยันว่า มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าชาติร่ำรวยในยุโรปบางชาติมีบัญชีลับ สำหรับคำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือประเทศยากจนบางประเทศรับมือกับภัยคุกคามจาก ปัญหาสภาพอากาศ

ที่มา ข่าวโลกร้อน ข่าวสิ่งแวดล้อม จาก Suthichaiyoon.com