สธ.ใช้งบ 196 ล้าน ช่วยคนมาบตาพุด

ไทยรัฐ : รมว.สธ. เร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนมาบตาพุด 2 โครงการ ทั้งพัฒนารพ.ให้เด่นด้านอาชีวเวชศาสตร์ตรวจรักษาการประกอบอาชีพและสิ่งแวด ล้อม หลังครม.ไฟเขียวงบกลาง 196 ล้าน..

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.ระยอง และนายปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง พร้อมคณะ ติดตามเร่งรัดการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาล ที่ให้บริการในเขตควบคุมมลพิษ และโครงการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังโรคของประชาชน ในเขตควบคุมมลพิษ จ.ระยอง

นาย วิทยา กล่าวว่า ปัญหามลพิษในพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องและยาวนาน ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 1,700 โรง มีประชาชนอาศัยประมาณ 1 ล้านคนประกอบด้วย ประชาชนนอกพื้นที่ที่อพยพเข้ามาใช้แรงงานหรือประกอบอาชีพประมาณ 300,000 คน ที่เหลือเป็นประชาชนตามทะเบียนราษฎร์ กระทรวงสาธารณสุข ต้องจัดบริการดูแลสุขภาพประชาชนแตกต่างจากพื้นที่ทั่วไป นอกจากจะตรวจรักษาการเจ็บป่วยทั่วไปแล้ว ยังต้องพัฒนาบริการด้านอาชีวเวชศาสตร์ ตรวจรักษาโรคที่เกิดจากการประกอบอาชีพ รวมทั้งโรคที่เกิดจากสารเคมี มลพิษที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ต้องรับภาระดูแลประชาชนมากเกินกำลัง โดยแพทย์ 1 คน ต้องดูแลประชาชนเฉลี่ย 8,085 คน สูงกว่ามาตรฐานกำหนดเกือบ 3 เท่า

ทั้ง นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอของบประมาณจากงบฯกลาง วงเงิน 294 ล้านบาทเศษ เป็นงบผูกพัน 3 ปี ระหว่าง 2553-2555 ใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล 4 แห่งที่อยู่ใกล้เคียงเขตควบคุมมลพิษ สามารถตรวจรักษาโรคจากการประกอบอาชีพ โรคจากมลพิษสิ่งแวดล้อม โรคหรืออุบัติภัยเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายวงเงิน 235 ล้านบาท และโครงการตรวจสุขภาพเฝ้าระวังโรคประชาชนในเขตควบคุมมลพิษอีก 58 ล้านบาทเศษ

นาย วิทยา กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวจะพัฒนาโรงพยาบาลระยอง ให้เป็นศูนย์กลางรักษาโรคด้านอาชีวเวชศาสตร์ ตรวจรักษาโรคจากการประกอบอาชีพและรักษาพิษสารเคมีประจำภาคตะวันออก และโรงพยาบาลชุมชนอีก 3 แห่ง คือ รพ.บ้านฉาง รพ.พัฒนานิคม และ รพ.มาบตาพุด ให้มีขีดความสามารถรักษาโรคจากการประกอบอาชีพ โดยขยาย รพ.มาบตาพุดจาก 30 เตียงเป็น 200 เตียง ใช้งบเงินเพิ่มกว่า 200 ล้านบาท ให้เป็นโรงพยาบาลอำเภอขนาดใหญ่ รับผู้ป่วยโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแรงงานและประชาชน การจัดสรรแพทย์เดือน มี.ค.-เม.ย. 53 ให้พิจารณา รพ.มาบตาพุดเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรองรับประชากรที่มีอยู่ 40,000 คน แต่ทุกวันนี้มาบตาพุด มีประชากรแฝง 150,000 คน ที่อพยพเข้ามา ซึ่งมากกว่าผู้ที่มาทำงาน 2 เท่า เนื่องจากมาบตาพุด มีประชาชนในเขตมาบตาพุดและใกล้เคียงมาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง

โดยในปีงบ ประมาณ 2553 ได้รับการจัดสรรแล้ว 196 ล้านบาท และในปี 2554 -2555 จะจัดสรรอีก 97 ล้านบาท วันที่ 15 ม.ค. 53 จะเริ่มคัดกรองผู้ป่วยให้แพทย์เตรียมทีมในพื้นที่ระยอง มาดูแลคัดกรอง ถ้าไม่เพียงพอจะใช้แพทย์จากส่วนกลางมาเพิ่มเติม ผู้ป่วยถูกสารพิษ รพ.มาบตาพุดรองรับได้ ถ้าไม่สามารถรองรับได้ก็จะส่งต่อ รพ.ระยอง อย่างรวดเร็วทันท่วงที อนุมัติเงิน 10 ล้านบาท เพื่อทำห้องปฏิบัติการณ์ไว้ ให้เร่งดำเนินการจะรับฉุกเฉินได้ ส่วนการเกิดเหตุต้องโปร่งใสประชาชนกับสาธารณสุขต้องรู้เท่าทันกันไม่มีปกปิด

ด้าน นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ในการเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพและเยียวยาสุขภาพประชาชน กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ดำเนินการใน 31 ชุมชน ที่อยู่รอบๆ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จำนวนประชาชนประมาณ 10,000 คน ในปี 2553 นี้ใช้วงเงิน 24 ล้านบาท ปี 2554-2555 ปีละ 17 ล้านบาทเศษ โดยจะตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ดูการทำงานของตับไต ตรวจปัสสาวะ เอ็กซเรย์ปอด ประเมินความเสี่ยงการสัมผัสสารเคมี ทั้งโลหะหนัก และมลพิษอื่นๆ จากสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยบริเวณรอบบ่อน้ำที่พบสารโลหะหนัก ได้แก่ ตะกั่ว สารหนู ปรอท ประมาณ 500 คน โดยจัดรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ 2 คัน นอกจากนี้ยังมีโครงการเตรียมความพร้อมสำหรับประชาชนเพื่อรองรับอุบัติภัยจาก สารเคมีด้วย.

ที่มา ข่าวมาบตาพุด ข่าวปัญหาสิ่งแวดล้อม จาก ไทยรัฐ