ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

26 กุมภาพันธ์ 2553

พจมานและลูกร่วมฟังศาลคดียึดทรัพย์ในเซฟเฮ้าส์

Suthichaiyoon.com : "คุณหญิงพจมาน" บุตรชายและบุตรสาว จะไม่ไปฟังคำตัดสินศาล โดยยืนยันไม่ออกนอกประเทศ แต่จะฟังคำตัดสินคดียึดทรัพย์ที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วน "ทักษิณ"ใช้วีดิโอลิงค์วอร์รูมเพื่อไทยวันพิพากษายึดทรัพย์

เลขานุการส่วนตัวเผยความเคลื่อนไหวใน ส่วนของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวนั้น

โดยยืนยันว่า นายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา จะไม่มีการแถลงข่าว และไม่ไปฟังคำตัดสินที่ศาลฎีกาแน่นอน และจะไม่เดินทางออกนอกประเทศตามที่มีกระแสข่าวด้วย

ส่วนคุณหญิงพจมานนั้น ทีมผู้ติดตามของคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า คุณหญิงพจมานจะไม่ไปฟังคำตัดสินของศาลในคดียึดทรัพย์ที่ศาล รวมทั้งยืนยันจะไม่เดินทางออกนอกประเทศ และจะฟังคำตัดสินร่วมลูกๆที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมวีดีโอลิงค์เข้าพรรคเพื่อไทยตลอดทั้งวัน ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป พร้อมระดมแกนนำ ส.ส.พรรค รวมตัวติดตามผลคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่พรรค รองหัวหน้าพรรคเผยอดีตนายกฯอาจจะออกแถลงการณ์ภานหลังคำตัดสินของศาล

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แถลงว่าในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ดังนั้นทางพรรคเพื่อไทยได้นัดให้คณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรี พร้อมอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน มารวมตัวที่พรรคเพื่อไทย

เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว และเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นคดีประวัติศาสตร์จะเป็นการสะท้อนมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวโดยได้นัดหมายตั้งแต่เวลา 12.00 น.จนการอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น

นายคณวัฒน์ กล่าวว่า ระหว่างเกาะติดสถานการณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะวีดิโอลิงค์ เข้ามาพูดคุยกับแกนนำทุกคน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งกล่าวทักทายกับประชาชนที่สนับสนุนเข้ามาร่วมรับฟังที่พรรคเป็นระยะ ซึ่งพรรคได้เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกแถลงการณ์ นอกจากนี้ทางแกนนำและทีมกฎหมายจะได้มีความเห็นเกี่ยวกับคำพิพากษาในคดีนี้ ด้วย

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลพยามสร้างสานการณ์ และเตรียมการที่เกินกว่าเหตุโดยเฉพาะการให้ข้อมูลต่างๆที่เกินจริง โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ทำให้เกิดสับสนมาก รัฐบาลทำเหมือนว่า บ้านเมืองไม่ได้ปกครองแบบประชาธิปไตย ประชาชนจะไปไหนก็ตรวจสอบ ซึ่งมวลชนที่จะมาก็เพียงเพื่อให้กำลังใจ ก็อยากให้ประชาชนดูว่ารัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ หรือกระทบต่อการลงทุนหรือไม่ ขอฝากรัฐบาลว่าจะทำอะไรให้คำนึงเศรษฐกิจในภาพรวม

“จาก การประเมินความรู้สึกของนักลงทุน เขาสงสัยมากว่าคดีอย่างนี้ไปยึดทรัพย์เขาได้อย่างไร ซึ่งเราประเมินแล้วว่ากระทบการลงทุนอย่างมาก เพราะเขามองว่าระบบยุติธรรมเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ ซึ่งจะเป็นความตอกย้ำความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นเรื่อยๆ ท่านนายกฯควรทุ่มกำลังไปแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน เช่นราคาข้าวที่ตกต่ำที่ชาวนาจะมีการประท้วง” นายคณวัฒน์ กล่าว

นายคณวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า ตนได้รับคำร้องเรียนจากข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ที่อึดอัดใจ หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ได้เป็นประธานเรียกประชุม กอ.รมน.จังหวัดเมื่อวันก่อน ซึ่งแทนที่นายสุเทพจะสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ป้องปราม ควบคุมดูแลสถานการณ์ แต่กลับไปสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปจัดเตรียมมวลชนไปชนกับมวลชนคนเสื้อ แดง หรือขนม็อมาชนม็อบ

นอกจากนี้ ในการประชุมดังกล่าวที่สโมสรกองทัพบก ยังมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ในห้องดังกล่าวเพราะกลัวว่าจะมีการดักฟังหรืออัด เทปเสียง ส่งผลให้ประชาชนทั่วบริเวณดังกล่าวใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ ถือเป็นการทำและกลัวเกินกว่าเหตุ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันอ่านคำพิพากษาคดี จะเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมือง และการบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทย เพราะคดีดังกล่าวไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมที่ผ่านกลไกของกฎหมายปกติ แต่มาจากการใช้กำลังใช้ยึดอำนาจแล้วอาศัยคำสั่งหัวหน้าคณะรัฐประหารออก ประกาศเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย แล้วต่อมาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่แต่ละคนต่างมีแนวคิดเป็นปฎิปักษ์กับพ .ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาตรวจสอบและดำเนินการ

ซึ่งผลของคำสั่งศาลในคดีนี้ จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าระบบกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายของไทย จะยังยึดหลักกฎหมายภายใต้หลักนิติธรรมอยู่หรือไม่ ก็หวังในความยุติธรรมของศาล ส่วนผลคดีจะเป็นอย่างไร อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ส่วนที่นายปณิธาน วัฒนยากร รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าช่วงวันที่ 25-28 ก.พ.นี้เป็น 4 วันอันตราย ซึ่งจากผลการพูดของนายปณิธานทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วน และที่สำคัญประชาชนร้องเรียนมาว่าจะมีความวุ่นวาย เพราะกระบอกเสียงของรัฐบาล จึงขอฝากคำถามถึงนายกฯว่าวันนี้นายปณิธานกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่อง ใหญ่หรือไม่

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template