นายกฯสั่งเลิกซื้อ จีที200 ผลสอบใช้ได้ไม่ถึงครึ่ง

Suthichaiyoon.com : นายกรัฐมนตรีสั่งเลิกซื้อจีที200 (GT200) หลังผลสอบใช้ได้ไม่ถึงครึ่ง ยอมรับสุนัขดีที่สุด แต่ใช้งานที่ภาคใต้ไม่ได้

เมื่อเวลา 13.20 น.ในวันนี้ (16 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการทดสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ว่า จากการทดสอบ 20 ครั้ง ผลปรากฏว่าการใช้อุปกรณ์นี้สามารถหาวัตถุระเบิดได้ถูกต้องเพียง 4 ครั้ง ซึ่งไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ หมายความว่าไม่มีความแตกต่างจากการสุ่มเอา ดังนั้น ในขณะนี้สิ่งที่ชัดเจนแน่นอน คือว่า จะไม่มีการซื้ออุปกรณ์นี้เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่ที่ยังมีการยืนยันจากผู้ปฏิบัติว่ายังสามารถใช้งานได้นั้น เราก็จะขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และคณะกรรมการฯ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิได้แจ้งผลของการทดลองและอธิบายให้เกิดความ เข้าใจที่ตรงกัน และตนได้ขอให้ทุกหน่วยงานที่มีอุปกรณ์นี้อยู่ไปรวบรวม รายงานตั้งแต่ต้นว่ามีการใช้อุปกรณ์นี้อย่างไร แต่ละปีมีการซื้อเข้ามาจำนวนเท่าไหร่ และการใช้งานเป็นอย่างไร

เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้ มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกับคณะกรรมการฯหรือกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า ตัวผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการฯยังพร้อมที่จะช่วยรัฐบาลในการทำความเข้าใจ เรื่องนี้อยู่หรือไม่ แต่ถ้าไม่ก็จะให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ และเมื่อได้ข้อมูลตรงนั้นมาก็จะตรวจสอบว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

เมื่อถามว่าที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.มาพบในวันนี้ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ โดยตนได้แจ้งให้ ผบ.ทบ.ทราบว่า ผลการทดลองเป็นอย่างนี้ และได้คุยกับ รมว.วิทยาศาสตร์ว่าจะขอให้ทางกระทรวงเอาข้อมูลไปอธิบายหลักการทดลองให้หน่วยงานปฏิบัติที่ใช้เครื่องมือนี้ได้รับทราบ

เมื่อถามว่า นอกจากไม่มีการซื้อเพิ่มเติมแล้วจะสั่งยกเลิกการใช้ทั้งหมดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะให้เวลาในการไปทำความเข้าใจกัน โดยขอให้ไปทำความเข้าใจให้เร็วที่สุด เพราะว่าขณะนี้เนื่องจากหน่วยงานปฏิบัติยังมีความเชื่อของเขาอยู่ และอาจยังไม่ทราบและไม่เข้าใจแนวทางในการทดลอง ก็ต้องเอาข้อมูลไปอธิบายให้ทราบโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า จะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องเร่งแจ้งให้ทราบว่าถ้าหน่วยงานปฏิบัติยังมีความเชื่ออยู่ ความเสี่ยงคืออะไร

เมื่อถามว่า ในส่วนของเครื่องอัลฟ่า 6 จะ มีการทดสอบเหมือนกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทางกระทรวงมหาดไทยขอให้ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ดำเนินการอยู่ แต่ว่าในความเข้าใจของตนหลักการของเครื่องมันทำนองเดียวกันหมด เว้นแต่ว่าเครื่องอัลฟ่า 6 จะอ้างว่ามีพลังงานอยู่ในตัว

เมื่อถามว่า แสดงว่าหากมีการทดสอบผลก็น่าจะออกมาเหมือนกันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าอยากให้ทดสอบอีกก็ทำได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งเครื่องอัลฟ่า 6 ที่กระทรวงมหาดไทยใช้อยู่ในขณะนี้ เข้าใจว่าใช้ในเรื่องสารเสพติด

ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ได้อธิบายให้ ผบ.ทบ.รับทราบแล้ว ผบ.ทบ.เข้า ใจและยอมรับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านเข้าใจหลักการการทดสอบทุกอย่าง ส่วนเรื่องความสูญเสียเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องนั้น ตนจะให้ทุกหน่วยงานรวบรวมข้อเท็จจริงมาทั้งหมด เข้าใจว่าเริ่มใช้เครื่อง จีที 200 กันมาตั้งแต่ปี 2547 และจะมีการเก็บสถิติในเรื่องของการใช้เครื่องมือด้วย

เมื่อถามว่า จะสอบสวนไปถึงเหตุผลในการจัดซื้อด้วยหรือไม่ว่าผู้เสนอจัดซื้อรู้หรือไม่ว่า เครื่องไม่มีประสิทธิภาพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงจะลำดับเหตุการณ์มา แต่ถ้าถามว่าการรับรู้ปัญหานั้นเพิ่งมาเกิดในช่วงหลัง แต่ว่าเรื่องนี้ดำเนินการจัดซื้อกันมาตั้งแต่ปี 2547 ตามที่ตนได้รับรายงานมา

เมื่อถามว่าต้องมีใครรับผิดชอบกับงบประมาณที่รัฐต้อง สูญเสียไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงต้องดูเหตุผล เพราะต้องยอมรับว่าเราไม่ใช่ประเทศเดียวและไม่ใช่มีหน่วยงานเดียว แต่เท่าที่มีการรายงานคือมีหลายสิบหน่วยงานในประเทศต่างๆที่ซื้อเครื่องมือ นี้ไป

เมื่อถามว่า เราสามารถที่จะฟ้องร้องบริษัทที่ขายเครื่องมือนี้ให้เราได้หรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ก็กำลังให้ดูข้อกฎหมายอยู่ แต่ที่แน่นอนแล้วคือจะระงับการซื้อทั้งหมด ส่วนเรื่องการใช้ขอให้ไปทำความเข้าใจก่อน เพราะในระดับพื้นที่ความรู้สึกของคนก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ของผู้ใช้ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ก็จะให้ไปทำความเข้าใจ แต่เขาต้องรับทราบผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้และต้องทราบความเสี่ยง ถ้าหากยังยืนยันที่จะใช้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเครื่องเก่า 700 กว่าเครื่องนี้จะเอาไปใช้อะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเลย

เมื่อถามว่า มูลค่าของเงินที่จัดซื้อไปคิดแล้วอยู่ที่เท่าไหร่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ตีคร่าวๆว่าอุปกรณ์เครื่องหนึ่งราคาเกือบๆ 1 ล้านบาท รวมแล้วใช้งบประมาณในการซื้อเครื่องดังกล่าว ทั้งหมดประมาณ 700-800 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทางคณะกรรมการได้เสนอหรือไม่ว่าจะนำเครื่องเหล่านี้ไปใช้อะไรได้บ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังไม่เสร็จเรียบร้อย กำลังทำอยู่ แต่ได้มารายงานผลให้ทราบก่อนว่าผลการทดสอบไม่มีนัยความสำเร็จทางสถิติ

เมื่อถามว่า ไม่เสี่ยงเกินไปหรือที่จะปล่อยให้ผู้ปฏิบัติใช้เครื่องมือนี้ต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราบอกชัดเจนว่าใครจะใช้ต้องทราบว่าผลการทดสอบเป็นแบบนี้ แต่ขณะนี้การสื่อสารลงไปในพื้นที่เป็นเรื่องยาก เพราะต้องเข้าใจว่าเราอยู่ตรงนี้สภาพก็เป็นอย่างหนึ่ง แต่ว่าในขณะนี้ความสับสนในหมู่ผู้ใช้ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นต้องไปทำความเข้าใจกับผู้ที่ยังมีความเชื่อในเครื่องมือเหล่านี้อยู่

เมื่อถามว่า แต่ความเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ใช้ แต่ยังรวมถึงประชาชนด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางหน่วยก็ต้องบอกให้ชัดเจนว่าอุปกรณ์นี้มันไม่ควรที่จะเป็นอุปกรณ์ที่ไปใช้ โดยลำพังอยู่แล้ว ดังนั้นยิ่งผลทดสอบออกมาอย่างนี้เขาก็ต้องทราบ

เมื่อถามว่า ทำไมจึงไม่มีคำสั่งที่ชัดเจนไปเลยว่าไม่ให้ใช้ เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ และค่อยหาเครื่องใหม่ไปให้เจ้าหน้าที่ทดแทน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอุปกรณ์อะไรอื่นที่จะมาแทน

เมื่อถามว่า การใช้สุนัขดมกลิ่นทดแทนสามารถทำได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในสภาพสังคม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นใช้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการทดสอบครั้งนี้จะย้อนหลังไปถึงคดีเก่าๆที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีการดำเนินการเอาเครื่องมือนี้ไปใช้ แล้วนำไปสู่การดำเนินการในลักษณะที่กระทบกับการดำเนินคดี เพราะเดิมที่ใช้เครื่องมือนี้ก็ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานอะไรได้ เพราะต้องไปเจอตัววัตถุต้องห้ามจึงจะดำเนินคดีต่างๆได้

เมื่อถามว่า ถ้าเปรียบเทียบเครื่องจีที 200 กับ สุนัข อันไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่าสุนัขเป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์ว่าได้ผลกว่า ตนก็พยายามพูดให้เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทาง ผบ.ทบ. บอกว่า จะต้องเร่งไปสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ เพราะส่วนใหญ่คนที่ขอใช้อุปกรณ์นี้คือหน่วยงานปฏิบัติ และโดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ยืนยันความเชื่อมั่นในเรื่องการใช้เครื่องมือนี้ ซึ่งเราจำเป็นต้องเร่งไปทำความเข้าใจโดยให้ฝ่ายวิชาการเร่งไปทำความเข้าใจ นอกจากนั้นตนได้ขอให้ ผบ.ทบ.เตรียม ทำแผนการทำงานในกรณีที่ไม่มีอุปกรณ์นี้แล้ว การทำงานจะต้องปรับอย่างไรบ้าง รวมทั้งรายงานรายละเอียดการจัดซื้อตั้งแต่ต้นว่าเป็นมาอย่างไร เราจะได้พิจารณาดำเนินการได้ หรือเรียกร้องอะไรกับบริษัทที่ขายอุปกรณ์นี้ให้กับเราได้บ้าง