เดลินิวส์ : ตกใจกันไปทั้งเมืองกับจดหมายน้อยที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะกรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาส่งถึงนายกรัฐมนตรีผ่านสื่อ มวลชน “ทีมการเมืองเดลินิวส์” ได้สัมภาษณ์เจ้าของจดหมายถึงที่มาที่ไปและเหตุผลที่ต้องทำ
** ถึงวันนี้จุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคชาติไทยพัฒนายังเหมือนเดิม
จากการหารือนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เรายังยืนยันว่าจะต้องก้าวเดินต่อไป เพราะขณะนี้สามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้ครบตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนประเด็นที่ยื่นได้มีการยกร่างหลักการ เหตุผล และรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้ส่งไปให้ 4 พรรคการเมืองคือ กิจสังคม พรรคภูมิใจไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดินเพื่อไปตรวจสอบดูว่าเห็นตรงกัน หรือควรจะมีการแก้ไขหรือไม่คาดว่าอย่างช้าในสัปดาห์หน้าจะได้ยื่นญัตติการ แก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาได้
** ความคาดหวังว่าจะสำเร็จหรือไม่หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ร่วมแก้ไข
การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการร่างรัฐธรรมนูญมันไม่ใช่เรื่องของสมาชิกรัฐสภา ฝ่ายเดียวในยุคของระบอบประชาธิปไตยที่มีภาคพลเมืองเป็นหลักภาคพลเมืองจะมี ความเข้มแข็งและเข้ามามีส่วนร่วมมาก ผมจึงคาดหวังกับประชาชนและภาคพลเมืองเพราะมีประสบการณ์และบทเรียนจากรัฐ ธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งคงจำได้ว่าเมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จต้องเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความ เห็นชอบซึ่งก็มีเสียงปฏิเสธจากกลุ่มคนในรัฐบาลค่อนข้างมากคือทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่และท่านเสนาะ เทียนทอง เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้นได้คัดค้านอย่างเต็มที่โดยให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญ ดังกล่าวจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง แต่ขณะเดียวกันเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชน มีธงเขียวออกมาสนับสนุนว่าเป็น รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดเพราะเป็นการเขียนโดยความร่วมมือร่วมใจของคนทั้ง ประเทศ มีการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งในที่สุด พล.อ.ชวลิตและท่านเสนาะก็ต้องลงมติเห็นชอบรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ผมจึงคิดว่าไม่น่าจะแตกต่างกันอย่าว่าแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญเลย กฎหมายที่มีความสำคัญ เกี่ยวพันกับวิถีชีวิต สังคมไทย ภาคพลเมืองที่มีความเข้มแข็ง เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์อย่างเข้มแข็งผมเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา นักวิชาการ กลุ่มองค์กร หรือแม้แต่กระทั่งนักการเมืองคงจะต้องแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ที่สุดผมเชื่อว่ารัฐสภาจะเคารพและฟังเสียงประชาชน ฉะนั้นผมเชื่อว่าเสียงเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการตัดสินใจว่า ใน 2 ประเด็นที่เราเสนอไปนั้นจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และเมื่อออกมาเป็นอย่างไร พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคร่วมรัฐบาลที่ยื่นญัตติก็พร้อมที่จะน้อมรับกับสิ่ง ที่เป็นมติของรัฐสภา
** รู้แต่แรกแล้วหรือไม่เพราะเห็นเดินสายพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแต่ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์
เราอยู่ในแวดวงการเมืองค่อนข้างนาน จึงรู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่มีระบบพรรคที่เข้มแข็ง จะทำอะไรต้องเป็นระบบ ฉะนั้นการที่ให้ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีหรือจะให้ท่านนายกรัฐมนตรีมาพูดคุยหารืออะไรกับพวกเราก็ไม่ ต่างไปกับการเป็นเพียงแมสเซนเจอร์ธรรมดาเพราะท้ายที่สุดอำนาจตัดสินใจก็จะ อยู่ที่พรรค ซึ่งพวกเราก็รู้ว่าเมื่อเข้าไปสู่กระบวนการตรงนี้มันเป็นระบบของเขา
ขณะเดียวกันวันนี้ต้องนับเวลาถอยหลังแล้วเพราะสภาผู้แทนราษฎรเหลือเพียง 1 ปีเศษและการแก้ไขรัฐธรรมนูญมันเป็นเรื่องใหญ่ มันต้องใช้ห้วงเวลาซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทอดยาวไปแค่ไหน แม้จะมีเพียง 2 ประเด็น เราก็เป็นห่วงว่าถ้าเกิดเวลามันหมดแล้วรัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้แล้วเราจะทำ อย่างไร ถ้ามีวิกฤติทางการเมืองเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไร อย่างน้อยที่สุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้ว่าจะไม่ครบทุกประเด็นตามที่กรรมการ สมานฉันท์ฯหรือที่สังคมอยากเห็นแต่อย่างน้อยยังดีกว่าไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ส่วนประเด็นต่อ ๆ ไปเมื่อสังคมคืนสู่ภาวะปกติ ผมคิดว่ายังมีเวลาให้สภาชุดใหม่ แต่สภาชุดนี้เวลามันน้อยเกินไป เอา 2 ประเด็นนี้ให้ได้ไปก่อนมันน่าจะไปได้ ที่สำคัญทั้ง 2 ประเด็นนี้ พวกเราวิเคราะห์กันว่าเป็นประเด็นที่ไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่ได้ เป็นไฟที่จะไปเติมให้มีการเผชิญหน้าของผู้คนในสังคมมากขึ้น ตรงกันข้ามเป็นประเด็นที่ได้ตกผลึกไปแล้วอย่างมาตรา 190 ส่วนมาตรา 94 ผมเชื่อว่าคณะกรรมการสมานฉันท์ฯที่ประกอบไปด้วยตัวแทนจากทุกฝ่ายได้คิดและมี เหตุผลแล้วว่าทำไมจึงต้องใช้การเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียวรวมทั้งตรง นี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์ซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นด้วยแล้ว สังคมรับได้ เราจึงเสนอ 2 ประเด็นนี้
เราห่วงชาติบ้านเมืองเหมือนกันลองโยนมาตรา 237 ออกไปสิครับก็จะมองได้ทันทีว่าจะทำนิรโทษกรรมใช่หรือไม่เพราะมันเกี่ยวกับ การยุบพรรคมันเกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิเราถึงไม่กล้าที่จะแก้เพราะรู้ว่า สิ่งเหล่านี้ทำไปแล้วเราตอบคำถามไม่ได้เหมือนกับว่าพวกเราจะแก้เพื่อตัวเอง ใช่หรือไม่เราจึงได้หยุดประเด็นเหล่านี้
** การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มีการทำข้อตกลงหรือมีสัญญาใจ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
เราไม่มีข้อตกลงอะไรหรอกเพราะเราเชื่อในเกียรติของกันและกันเราไม่เคยบันทึก เทปเพราะแต่ละคนต่างเป็นผู้ใหญ่ซึ่งพูดคุยกันก็เห็นสอดคล้องกันเพียงแต่ไม่ ได้ลงในรายละเอียดว่าจะแก้ในประเด็นไหน เราพูดภาพรวมว่าการบริหารราชการแผ่นดินในภาวะบ้านเมืองที่ไม่ปกติ สิ่งแรกที่จะต้องทำคือการสร้างความสมานฉันท์ต้องคืนความเป็นธรรมให้กับคนที่ ไม่ได้รับความเป็นธรรมเสีย รัฐธรรมนูญมาตราไหนที่เป็นข้อจำกัดทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นอุปสรรค เราก็แก้ไข การที่ผมได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนั้น เพื่อฟื้นความจำที่ได้พูดคุยกันที่บ้านท่านนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่ท่านนายกฯ ได้บอกว่าให้แต่ละพรรคไปสรุปประเด็นมานั่นคือนัย
** แล้ววันนี้ทำไมนายกรัฐมนตรีจึงได้เปลี่ยนแปลงท่าที
ผมถึงได้บอกว่า ผมพบสัจธรรมแล้วว่า ท่านนายกฯ ก็ดีท่าน สุเทพก็ดี ก็ทำหน้าที่เป็นเพียงแมสเซนเจอร์ที่ไปรับสารมาเท่านั้นการตัดสินใจอยู่ที่ พรรค และเมื่อพรรคมีมติว่าอย่าไปลงชื่ออย่าไปยุ่งกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมก็เคารพและไม่ปฏิเสธการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีของพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่เคยต่อว่าเลยไม่ได้คิดน้อยอกน้อยใจเพียงแต่มีความรู้สึกนิดเดียวว่า ถ้าคุณไม่เอาก็คือไม่เอาแต่คุณไม่ควรจะมาละเมิดคนอื่น ดูหมิ่นดูแคลนคนอื่นเขาว่าจะได้ประโยชน์โดยเฉพาะการดูหมิ่นว่าจะทำให้ง่าย ต่อการซื้อเสียงซึ่งเท่ากับเป็นการดูถูกคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ด้วย
** กรณีนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งในรัฐบาลหรือไม่
ไม่หรอกครับตรงนี้เราทำความเข้าใจกันอย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องการแก้รัฐ ธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องของรัฐบาล พวกเราทั้งหมด 6 พรรคการเมืองยังทำงานร่วมกันในฐานะรัฐบาล วันนี้ปัญหาบ้านเมืองวิกฤติมันจะปล่อยให้เป็นสุญญากาศไม่ได้ต้องทำงานแก้ไข ปัญหาร่วมกันฉะนั้นในส่วนนี้เราทำงานร่วมกันเป็นปกติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติเรารับได้คงไม่ถึงกับ กล้ำกลืนอะไร เราต้องแยกเป็นคนละประเด็น ท่านบรรหาร พูดอยู่ตลอดว่าการเคารพ การให้เกียรติ และสัจจะถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นยืนยันไม่มีการถอนตัวจนนำไปสู่การยุบสภาแน่นอน
** เกรงจะถูกคัดค้านจากกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขู่จะมาชุมนุมหากมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เราไม่ห่วงเพราะทุกอย่างเราทำตามกติกาเราไม่ได้แอบหรือลักลอบทำ ผมอยากถือโอกาสตรงนี้บอกว่าอย่าผูกขาดรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นของทุกคน อย่าไปเหมาว่ารัฐธรรมนูญเป็นของกู คนอื่นแก้ไขไม่ได้ นอกจากกลุ่มกูเท่านั้น รัฐธรรมนูญมันเป็นความงดงาม มันเป็นของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน.
ข่าว แก้ไขรัฐธรรมนูญ ข่าวการเมือง จาก เดลินิวส์
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
31 มกราคม 2553
ผมว่า "สัจจะ .. เป็นเรื่องสำคัญ"
Author: Admin.
| Posted at: 10:37 |
Filed Under:
ข่าวการเมือง,
เดลินิวส์,
รัฐธรรมนูญ
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น