ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

03 ธันวาคม 2552

Suthichaiyoon : หุ้นไทยเปิดตลาดเช้านี้ดีดขี้น5จุดที่ 698 ตลาดจี้5บจ.แจงผลกระทบมาบตาพุด

ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดเช้านี้ (3 ธ.ค.) ที่ 698.79 เพิ่มขึ้น 5.28 จุด หรือ 0.76% โดยปตท.ปรับขึ้น 2 บาทซื้อขายที่ 227 บาท ส่วนปูนซิเมนต์ยังลดลงต่อเนื่อง 2 บาทที่ 219 บาท หลังจากที่วานนี้หุ้นกลุ่ม ปตท.-ปูนซิเมนต์ไทยกอดคอร่วง กดดัชนีทรุดกว่า 16 จุด หลังศาลมีคำสั่ง 65 โครงการในมาบตาพุดระงับลงทุน "ภัทรียา" จี้ 5 บจ."ปตท.-ปตท.สผ.-ปตท.เคมิคอล-ปูนซิเมนต์ไทย-ไทยพลาสติกฯ" รายงานผลกระทบด่วน ชี้นักลงทุนทั้งในและต่างชาติยังกังวลกับปัญหามาบตาพุด ด้านบิ๊ก ปตท.เคมิคอล ยอมรับกระทบโครงการขยายกำลังผลิต HDPE

บรรยากาศ การลงทุนในตลาดหุ้นวานนี้ (2 ธ.ค) ดัชนีหุ้นผันผวนหนัก เนื่องจากนักลงทุนรอผลการตัดสินของศาลปกครองกลางกรณีมาบตาพุด โดยในช่วงก่อนที่จะอ่านคำสั่งศาลดัชนีหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แต่หลังจากที่ศาลได้อ่านคำสั่งดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่า 12 จุดไม่นาน หุ้นก็ดีดมายืนในแดนบวกอีกครั้ง ในช่วงท้ายหลังจากที่มีความชัดเจนว่าโครงการใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ ดัชนีหุ้นดิ่งต่ออย่างหนัก และดัชนีปิดที่ 693.51 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ลดลง 16.50 จุด หรือ 2.32% มูลค่าการซื้อขาย 28,707 ล้านบาท

โดยหลักทรัพย์ที่มูลค่าการซื้อขายมากสุด 5 อันดับ คือ ปตท.(PTT) ปิดที่ 225 บาท ลดลง 12 บาท หรือ 5.06% ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 132 บาท ลดลง 6.50 บาท หรือ 4.69% ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ปิดที่ 223 บาท ลดลง 12 บาท หรือ 5.11% ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) ปิดที่ 23 บาท ลดลง 0.90 บาทหรือ 3.77% และ ปตท.เคมิคอล (PTTCH) ปิดตลาด 71.50 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 5.30%

ส่วนพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างละประเภทวานนี้ ปรากฏว่านักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 822.52 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 852.05 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,256.70 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 417.87 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา สั่งแก้คำสั่งศาลปกครองกลาง เกี่ยวกับการลงทุนในเขตพื้นที่มาบตาพุด โดยให้ระงับการลงทุน 65 โครงการ และให้ดำเนินการลงทุนต่อไปได้จำนวน 11 โครงการนั้น ตลาดหลักทรัพย์ได้ขอข้อมูลกับบริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน โครงการมาบตาพุด 5 บริษัท ได้แก่ บ.ปตท. บ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น บ.ปตท.เคมิคอล บ.ปูนซิเมนต์ไทย และ บ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) โดยคาดว่าบริษัททั้ง 5 บริษัทจะสามารถชี้แจงข้อมูลถึงผลกระทบได้ภายในวันนี้ (3 ธ.ค.)

เธอกล่าวว่า จากประเด็นดังกล่าว ทำให้นักลงทุนมีความวิตกกังวล สะท้อนจากภาวะตลาดที่ปรับตัวลดลง และเคลื่อนไหวอย่างผันผวนตลอดวัน ซึ่งเป็นผลมาจากวันก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่า คำตัดสินจะเป็นข่าวดีทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่คำตัดสินกลับไม่เป็นข่าวดีมาก ทั้งนี้ยอมรับว่าปัญหามาบตาพุดยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในและ ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องการทำงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายว่า จะช่วยแก้ปัญหาได้มากน้อยเพียงใด ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน

“อยากให้ทุกฝ่ายคิดร่วมกัน เพราะการหยุดชะงักโครงการขนาดใหญ่ และไม่มีความชัดเจน ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งการจ้างงานและเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งคิดว่า ทุกฝ่ายต้องคิดร่วมกัน และนึกถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก”

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ผันผวนอย่างมาก และปรับตัวลดลงในท้ายตลาด เป็นเพราะนักลงทุนเกิดความกังวลกรณีคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับโครงการในมาบตา พุด โดยคำสั่งศาลระบุว่า 65 โครงการ ต้องระงับโครงการชั่วคราว ทำให้เกิดความกังวลว่า ความล่าช้าจากการระงับโครงการชั่วคราวจะกระทบกับรายได้ในระยะยาว ทั้งนี้ ใน 76 โครงการที่อยู่ในมาบตาพุด มีบริษัทจดทะเบียน 45 โครงการ และอีก 31 โครงการเป็นบริษัททั่วไป

“ความกังวลที่เกิดขึ้น มาจากความกังวลในโครงการ 65 โครงการที่ดีเลย์ออกไป มองว่าล่าช้าออกไปประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งก็จะเลื่อนรับรู้รายได้ไปด้วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าโครงการใหญ่ใน 65 โครงการที่ถูกระงับชั่วคราว จะได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการต่อได้ที่สุด เพราะส่วนมากจะได้รับใบอนุญาต (EIA) ก่อนวันที่ 24 ส.ค.2550”

เขากล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ (3 ธ.ค.) ก็จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนยังคงกังวลกับเรื่องมาบตาพุดอยู่ แต่ความกังวลน่าจะลดลงเพราะทางคณะกรรมการทั้ง 4 ฝ่าย น่าจะมีความชัดเจนว่า จะมาแก้ไขปัญหาให้ภาคเอกชนอย่างไร รวมทั้งบริษัทเอกชนที่ได้รับผลกระทบน่าจะชี้แจงข้อมูลที่ชัดเจนแล้วว่า เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด ยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางให้ระงับการลงทุนชั่วคราว 65 โครงการ ส่วนอีก 11 โครงการ ให้ลงทุนต่อไปได้ว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น อยู่ในภาวะความผิดหวัง เนื่องจากผู้ลงทุนได้คาดการณ์ไว้ในเชิงบวกค่อนข้างมาก ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง โดยดัชนีหุ้นมีโอกาสลดลงมาที่บริเวณ 680 จุด

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นอีกหลายปัจจัย ทั้งประเด็นความคืบหน้าของการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ ในการรอผลกระทบที่เป็นทางอ้อมไปสู่ผู้ลงทุนในตลาดโลก รวมทั้งประเด็นทางการเมืองไทย ที่คาดว่าจะยังคงกลับมาร้อนแรงอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นราคาหุ้นในช่วงที่เหลือของปีจะมีความผันผวน ซึ่งนักลงทุนต้องใช้สูตรการมองดัชนีในระดับ 700 จุด โดยวางกรอบการเคลื่อนไหวปรับเพิ่มขึ้นและลดลงอีก 20 จุด

นายสมบัติกล่าวอีกว่า ในระยะยาวหุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงเป็นธุรกิจที่ดี แม้ว่าในช่วงสั้น อาจจะยังมีปัญหามากระทบบ้าง แต่ยังคงไม่ถึงกับต้องเลี่ยงการลงทุน แต่แนะนำว่าควรหาจังหวะการลงทุนให้ถูกต้อง โดยเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลายวัน

ด้านนายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท ปตท.เคมิคอล กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนถึงผลกระทบหลังจากที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งระงับโครงการบางส่วนและให้เปิดดำเนินการบางส่วนเพราะต้องมีการหารือ ร่วมกันภายในกลุ่ม ปตท. รวมทั้งต้องนำคำพิพากษาของศาล มาวิเคราะห์ให้ชัดเจนอีกครั้ง แต่ที่ชัดเจนก็คือ โครงการที่อยู่ในข่ายต้องระงับโครงการของ ปตท.เคมิคอล ก็คือโครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก ประเภท HDPE ที่มีกำลังการผลิต 2.5 แสนตัน และอยู่ในแผนที่จะต้องทดลองการเดินเครื่องปลายปีนี้ และดำเนินการผลิตในปีหน้า

ที่มา ข่าวปัญหามาบตาพุด ข่าวปัญหาสิ่งแวดล้อม ข่าวการเงิน การลงทุน จาก Suthichaiyoon.com

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template