ประชาไท : 20 ธ.ค.52 นายคุมิ ไนดู ผู้อำนวยการบริหาร กรีนพีซสากล กล่าวว่า โลกของเรากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่สุดนั่นคือการขาดภาวะความเป็นผู้นำของ เหล่าผู้นำโลก แทนที่ผู้นำประเทศมหาอำนาจจะปกป้องอนาคตของประชาคมโลกโดยผลักดันให้เกิดข้อ สรุปที่พลิกผันหายนะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ แต่กลับเป็นผู้ทำลายอนาคตของคนยุคปัจจุบันและยุคอนาคตเสียเอง ซ้ำร้ายยังทำให้การแก้ปัญหาโลกร้อนเป็นไปได้ยากขึ้น
ข้อ ตกลงจากการประชุมที่โคเปนเฮเกนนี้ได้รับการยอมรับจากบางส่วนว่ามีความคืบ หน้า แต่แท้จริงแล้วข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้รับการลงมติโดยการประชุมรัฐภาคี สมาชิก (Conference of the Parties หรือ COP) และยังไม่มีการบรรจุมาตรการที่เข้มแข็งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเท่ากับว่ายอมให้อุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งมักไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง นั้น ยังคงปล่อยมลพิษต่อไปได้
ยัง มีประเด็นเพิ่มเติมอีกบางประเด็นที่ได้รับการบรรจุในข้อตกลง ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศ ขึ้นมาใหม่ และความจำเป็นในการเตรียมงบประมาณมากกว่าหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี สำหรับการปกป้องป่าในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อทำให้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของการปล่อย คาร์บอนต่ำรวมทั้งให้ความช่วยเหลือในการปรับตัวรับมือกับผลกระทบจากการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ประเทศกำลังพัฒนาได้ตกลงให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัคร ใจและเพิ่มการปฏิบัติโดยสมัครใจหากมีความช่วยเหลือด้านการเงินจากกลุ่ม ประเทศที่พัฒนาแล้ว
“เรา ยินดีกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศซึ่งนับเป็นการริเริ่ม ในเชิงบวกเพื่อปกป้องป่าไม้ แต่เรายังคงผิดหวังที่ข้อตกลงจากการประชุมยังคงขาดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซ จากการทำลายป่าไม้ ซึ่งทำให้สูญเสียโอกาสปกป้องป่าไม้และปกป้องสภาพภูมิอากาศ” นายชัยเลนดรา ยัสวัน ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว
“ถึงแม้ว่ากองทุนดังกล่าวทำให้โครงการชดเชยคาร์บอนของประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ เกิดผล แต่ยังคงขาดการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซจากการทำลายป่าไม้ซึ่งนับเป็นช่อง โหว่ขนาดใหญ่ ที่ได้ลดทอนโอกาสสำคัญในการลดการตัดไม้ทำลายป่าทั้งในระดับประเทศและระดับ สากล”
การประชุมที่เพิ่งปิดฉากลงจึงยังคงขาดความคืบหน้าในการให้ได้มาซึ่งข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย
เขา กล่าวว่า ถึงแม้ว่าการประชุมเจรจาจะยังคงมีขึ้นอีกครั้งในปีหน้า แต่นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่การประชุมโคเปนเฮเกนในครั้งนี้ได้พลาด โอกาสการมีข้อตกลงที่ดีและมีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย โลกจึงต้องเริ่มนับหนึ่งอีกครั้งเพื่อรอคอยความหวังของข้อตกลงที่มีความเป็น ธรรม สูงส่งและมีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย จากการประชุมตั้งแต่บาหลีจนถึงเม็กซิโก เพื่อพลิกผันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข่าวโลกร้อน ข่าวสิ่งแวดล้อม ข่าว COP15 Copenhagen
ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ
21 ธันวาคม 2552
กรีนพีซจวกผู้นำโลก ประชุมโลกร้อนปิดฉากอย่างเลื่อนลอย
Author: Admin.
| Posted at: 23:29 |
Filed Under:
ข่าวสิ่งแวดล้อม,
โลกร้อน,
COP15 Copenhagen
|

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น