
ผมดูทีวีเขมร CTN ที่รับผ่านดาวเทียมจากพนมเปญ มากรุงเทพฯ เห็นภาพฮุนเซน กับทักษิณ ให้สัมภาษณ์พร้อมหน้ากันเมื่อวันพุธแล้ว ก็แอบคิดในใจว่าสงสัยนี่เป็นแผนร้ายของทักษิณ ที่จะช่วยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้นั่งเก้าอี้นายกฯ ไปอีกนาน เพราะยิ่งฮุนเซน ก้าวร้าวไร้มารยาททางการทูตอย่างนี้ ยิ่งทักษิณ แสดงท่ายอมสวามิภักดิ์ ต่อฮุนเซน อย่างหมดศักดิ์ศรีอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้คะแนนนิยมต่ออภิสิทธิ์พุ่งต่อเนื่อง
นี่ไม่ใช่เรื่องกระแสรักชาติหรือชาตินิยมอะไรทั้งสิ้น นี่คือ ความสำนึกแห่งความเป็นคนไทยที่มีความรับผิดชอบโดยพื้นฐาน ไม่ต้องมีใครมา "ปลุกกระแส" ความรู้สึกของความเป็นพลเมืองไทย ก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพียงแต่ฮุนเซน และทักษิณ มาช่วยกระพือให้เกิด "ความสำนึกแห่งบ้านเกิด" ของคนไทย 60 ล้านคนชัดเจน และแจ่มแจ้งขึ้นเท่านั้น
ยิ่งอ่านเปรียบเทียบจดหมายของไทยที่ขอตัวทักษิณ กับคำตอบปฏิเสธฉับพลันของกัมพูชา ให้ละเอียดรอบด้านแล้ว ก็ยิ่งเห็นว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องของการทำตาม "มาตรฐานการทูตสากล" เพียงใด เพราะจดหมายขอตัวจากกระทรวงต่างประเทศไทยนั้น เป็นทางการ สุขุม สุภาพตามภาษาที่ควรใช้ในการสื่อสารระหว่างรัฐบาลที่เคารพในอธิปไตยของกันและกัน
แต่จดหมายตอบของกระทรวงต่างประเทศเขมรนั้น ทั้งห้วนและก้าวร้าวและชัดเจนว่าเป็นการก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศไทยอย่างน่าเกลียดยิ่ง ประกอบกับคำประกาศของฮุนเซน ว่า เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นความขัดแย้งระหว่างเขากับอภิสิทธิ์ เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องทักษิณ กับรัฐบาลไทย และไม่ใช่เรื่องการเมืองการทูต หรือเศรษฐกิจใดๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งทำให้งุนงงว่าฮุนเซน เล่นเกมอะไรกับไทยอยู่ เพราะคุณอภิสิทธิ์ ไม่มีอะไร "ส่วนตัว" กับ "ฮุนเซน" ตรงกันข้าม ที่มีอะไร "ส่วนตัว" จริงๆ นั้นคือ "ทักษิณ" กับ "ฮุนเซน" ต่างหาก ก็ฮุนเซน มิใช่หรือที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าที่เชิญให้ทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษา และไม่ยอมส่งตัวเขากลับให้ไทยในฐานะ "ผู้ร้ายข้ามแดน" นั่นเพราะ "ทักษิณเป็นเพื่อนผม"
ฮุนเซน ไม่สนใจว่าทักษิณ เป็น "นักโทษชาย" ไม่แคร์ว่ารัฐบาลไทย จะมีปฏิกิริยาอย่างไร และที่ร้ายที่สุด คือ ไม่สนว่าคนไทยส่วนใหญ่ จะมองเขาเป็นนักการเมืองนักเลงโตที่ข่มขู่คุกคามไทยอย่างไร
คำว่า "ส่วนตัว" ของฮุนเซน จึงเป็นเรื่องระหว่างเขากับทักษิณ ไม่ใช่ระหว่างเขากับอภิสิทธิ์เป็นอันขาด และแม้ฮุนเซนจะคิดว่าตนเองมีปัญหา "ส่วนตัว" กับอภิสิทธิ์ อย่างไร ก็ต้องสำเหนียกว่า "นายกฯ" ของประเทศหนึ่งจะตัดสินนโยบายของตนบนพื้นฐานของ "ความรู้สึกส่วนตัว" ต่อ "นายกฯ" ของอีกประเทศหนึ่งไม่ได้ เพราะนั่นคือ ความไร้ความรับผิดชอบ ที่เป็นอันตรายยิ่งต่อการเมืองระหว่างประเทศ
นอกจากว่าเขาจะมองว่าประเทศชาติ คือ "สมบัติส่วนตัว" ของตน และครอบครัว จึงจะสามารถคิดเฉไฉออกไปเช่นนั้นได้ เหมือนที่บ่อยครั้งอดีตผู้นำไทยคนนี้ จะแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือผลประโยชน์ของชาติ และอะไรคือผลประโยชน์ส่วนตน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม "ฮุนเซน" กับ "ทักษิณ" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเผชิญหน้ากันอย่างดุดัน กรณีเผาสถานทูตไทยพนมเปญ วันนี้จึงมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างสนิทแนบแน่น เพราะสำหรับผู้นำที่ต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จ สำหรับตนและพรรคพวกนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่อง "ส่วนตัว" ทั้งสิ้น
ที่มา บทความกาแฟดำ จาก กรุงเทพธุรกิจ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น