ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

14 พฤศจิกายน 2552

ประชาทรรศน์ : ฮุนเซนโมเดล ล้มบัลลังก์เจ้า

ผวา!แม้วเดินตามรอย‘นักวิชาการ’ชี้สุดอันตราย

เปิด “ฮุนเซนโมเดล” อันตรายโคตร! ไม่เพียงแค่ใช้ทหารต่างชาติเข้ายึดบ้านยึดเมืองตัวเอง แต่ยังลามไปถึงการล้มบัลลังก์พระมหากษัตริย์ สถาปนาตัวเองเป็นเจ้า “นักวิชาการ” หวั่นใจเกิดความพยายามมิบังควร เพราะเชื่อคนอย่าง “ทักษิณ"”เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว หวังอยู่ในอำนาจยาวนาน และทำได้ทุกอย่างให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ มั่นใจ 2 เสือผวากอดกันกลมดิกที่แท้ก็แค่สมประโยชน์ ทั้งที่คิดไม่ซื่อกันทั้งคู่ ฝากบอกคนไทยต้องจับตาดูให้ดีความคิดทักษิณวันนี้อ่านยาก เชื่อเมื่ออดีตผู้นำเร่ร่อนของไทยจับมือกับผู้นำไร้การศึกษากัมพูชา ที่ฝาสูงทั้งคู่เป็นเรื่องอันตรายแน่

ภาพการกอดรัดฟัดเหวี่ยง รักกันปานจะกลืน ของนายฮุนเซน ณ เขมร กับ”นักโทษชายชาวไทยวัยฉกรรจ์” นายทักษิณ ชินวัตร เพื่ออวดสายตาชาวโลก ชาวเกย์ และดิสเครดิตรัฐบาลไทย เมื่อผนวกกับความเคลื่อนไหวหลายต่อหลายเรื่อง กลับเป็นการตอกย้ำชัดมากขึ้น ว่าข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีพลัดถิ่นของไทย มีแนวคิดล้มล้างสถาบันอาจจะเป็นความจริง

อันตรายพวกคิดล้มสถาบัน
อีกทั้งแนวคิดยังสอดคล้องและคล้ายคลึงกับ ฮุนเซน หรือ”ฮุนเซนโมเดล”ในเรื่องที่มาของอำนาจล้นฟ้าในแผ่นดินกัมพูชา ที่ประกาศจะเป็นผู้นำประเทศไปจนอายุ 90 ปี เริ่มจากการอาศัยกองกำลังต่างชาติ คือเวียดนามซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เช่นกันที่กำลังอาศัยกัมพูชา จัดการรัฐบาลชุดปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีการขจัดระบบกษัตริย์ ออกไปจากประเทศ ใช้วิธีการโค่นล้มจัดการเอาพระมหากษัตริย์ที่ครอบงำไม่ได้ลงจากบัลลังก์เมื่อปลายปี 2004 แล้วมีการเชิดพระบรมวงศานุวงศ์ที่ตนเองสามารถครอบงำได้ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนหรือเป็นกษัตริย์ตรายาง ยังทำตัวเสมอเจ้าให้กษัตริย์สถาปนาตัวเองเป็น “สมเด็จมหาเสนาบดีเดโช” ทิ้งคราบลูกชาวนาตั้งตนเองเป็นเจ้า และยังสามารถทำให้สมเด็จนโรดม สีหมุนี ลงพระปรมาภิไธย แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลกัมพูชาได้อีกด้วย

สำหรับวิธีการรวบอำนาจของ สมเด็จฮุนเซน เห็นได้จากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในปี 2536 พรรคประชาชนของสมเด็จฮุนเซน ได้คะแนนเป็นอันดับสอง แต่กลับไม่ยอมรับ ทำให้สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ต้องแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีถึงสองคน ต่อมามีการเลือกตั้งครั้งที่สอง ในปี 2541 สมเด็จฮุนเซน ได้ขุดคุ้ยเรื่องชู้สาวของ เจ้ารณฤทธิ์ หัวหน้าพรรคฟุนซินเปก ผู้ซึ่งเป็นพระโอรสองค์โตของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ กับดารานักร้องสาวสวยชื่อดังรายหนึ่งจนต้องหย่าร้างกับชายา และยังทำการเปิดเผยการขายที่ดินและสำนักงานพรรคฟุนซินเปกของเจ้ารณฤทธิ์ ในกรุงพนมเปญให้กับนักธุรกิจ ชาวต่างชาติ แล้วนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ทำให้ต้องถูกคณะกรรมการบริหารพรรคแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ และถูกขับออกจากพรรค จนต้องหนีไปอยู่ประเทศฝรั่งเศสพร้อมครอบครัว เพราะไม่ต้องการติดคุกนานถึง 18 ปี

ทำเลวได้ทุกอย่างเพื่ออำนาจ
จากนั้นการเลือกตั้งในครั้งต่อๆมา สมเด็จฮุนเซน ได้ใช้สารพัดวิธีปูทางสู่อำนาจ ในการเลือกตั้ง ด้วยการขว้างระเบิด สังหารผู้นำฝ่ายตรงข้าม ใช้เงินซื้อตัวส.ส. จนเป็นเหตุให้สามารถรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ แม้กระทั่งกษัตริย์ กัมพูชา ก็อยู่ในอำนาจของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งดูเหมือนพ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเจริญรอยตามในอนาคตอันใกล้ จากการสร้างเครือข่ายเชิงลึกที่มีแนวคิดเดียวกับฮุนเซนโมเดลที่ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองกลับมาผงาด แม้แต่การทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันกษัตริย์อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ พร้อมกับคำโกหกคำโตว่าจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์

อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาที่สมเด็จฮุนเซน แทรกแซงระบอบกษัตริย์นั้น ได้สร้างความไม่พอพระทัยต่อสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ เป็นอย่างมากเป็นเหตุให้ท่านออกมาประกาศสละราชสมบัติ และอ้างถึงปัญหาสุขภาพรวมทั้งอาการป่วยที่ช่องท้อง ว่าพระองค์แก่เกินไปในการเป็นกษัตริย์ แม้พระองค์จะเคยใช้การสละราชสมบัติ เป็นอุบายของพระองค์ท่านเพื่อแสดงความไม่พอใจ ต่อนักการเมือง ที่เอาแต่ทะเลาเบาะแว้ง แก่งแย่งกันเองอยู่เสมอ ๆ

นายฮุนเซนต้นตำรับล้มเจ้า
ในการสละราชสมบัติของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ มีการตั้งข้อสังเกตว่าพระองค์ ต้องการมีสิทธิมีเสียงในการกำหนดองค์รัชทายาทได้ หากพระองค์แก่มากกว่านี้ หรือสวรรคตไป ระบอบกษัตริย์อาจสาบสูญไปได้ เพราะปัจจัยการเมือง และความทะเยอทะยานของสมเด็จฮุนเซน หรืออีกมุมมองว่าพระองค์ต้องการกลับมากอบกู้พรรคฟุนซินเปก ที่พระองค์ได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยพระองค์เอง แต่ก็ต้องมาพังพินาศลงด้วยฝีมือพระโอรสองค์โต

แม้ตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ จะไม่สามารถกำหนดองค์รัชทายาทได้โดยตรง แต่พระองค์สามารถส่งอิทธิพล ไปถึงคณะองคมนตรีทั้งเก้า ซึ่งประกอบด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และนักการเมืองระดับสูง รวมทั้งสมเด็จ ฮุนเซน ให้เฟ้นหาองค์รัชทายาทได้ และในที่สุด ด้วยการเสนอแนะของคณะองคมนตรี รัฐสภาแห่งชาติก็ได้อนุมัติไปตามนั้น

โดยในช่วงสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ สละราชบัลลังก์ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับสมเด็จฮุนเซน เป็นอย่างมาก จึงยอมยกเลิกการเยือนกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพราะแม้สมเด็จฮุนเซนจะเห็นชอบให้เจ้าสีหมุนี ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน แต่หากสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ สวรรคตไปเมื่อใด อาจจะมีการยกเอาเรื่องการสวรรคตที่กำหนดในรัฐธรรมนูญขึ้นมาได้

ยังต้องการกำจัดให้สิ้นซาก
เพราะที่ผ่านมา ส.ส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา พยายามจะขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ครอบคลุมการสละราชสมบัติของกษัตริย์ด้วย แต่ขอเสนอการแก้ไข ที่เคยได้รับความเห็นชอบจากเจ้ารณฤทธิ์ (พระเชษฐาต่างมารดา ของเจ้าสีหมุนี) หัวหน้าพรรคฟุนซินเปก ถูกพรรคประชาชน ของสมเด็จฮุนเซนขัดขวาง โดยอ้างว่า หากแก้ไขไปตามนั้นแล้ว พรรคฝ่ายค้านก็จะใช้เป็นช่องทาง กดดันให้กษัตริย์สละราชสมบัติได้

เรื่องดังกล่าวจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปว่า สมเด็จฮุนเซนต้องการขจัดระบบกษัตริย์ ออกไปจากประเทศ เสมือนเป็นการกำจัดภัยคุกคามอำนาจของเขา ในการครองอำนาจในการเป็นผู้นำไปจนแก่ โดยอ้างว่า การสืบทอดราชบัลลังก์ไม่ถูกต้อง เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุให้กษัตริย์ สามารถสละราชสมบัติได้ เพราะเขาเคยใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญมาหลายครั้งแล้ว ตัวอย่างเช่น รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ตั้งขึ้นอย่างมีเลศนัยมากที่สุด จนสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ต้องประท้วงข้ามแดนมาจากเกาหลีเหนือ

ห่วงไม่มีกษัตริย์คงฆ่ากันตาย
ในเว็บไซต์ของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ เคยเตือนเสมอว่า หากระบอบกษัตริย์ถูกขจัดไปแล้ว สงครามกลางเมืองก็อาจจะเกิดขึ้นได้ พระองค์ชี้ว่าสมาชิกพรรคการเมืองต่าง ๆ มีการแบ่งแยกกันอย่างเด่นชัด และพร้อมจะนองเลือดกันได้ตลอดเวลา แต่เป็นเพราะมีระบอบกษัตริย์เท่านั้น จึงทรงถวายคำแนะนำ และทรรศนะต่างๆ ให้กับสมเด็จนโรดม สีหมุนี กษัตริย์องค์ใหม่ ในการแสดงบทบาททางการเมือง และเพื่อไม่ให้ระบบกษัตริย์อันเป็นที่เคารพบูชาของกัมพูชา ต้องล่มสลายไปตามความต้องการของสมเด็จฮุนเซน ที่ต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะบั่นทอนอำนาจของกษัตริย์พระองค์ใหม่ พระองค์นี้ เพราะที่ผ่านมาเคยถึงขั้นขู่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิก สถาบันกษัตริย์ของกัมพูชามาแล้ว

ต้องย้อนมองปูมคิดฮุนเซน
ด้านดร.อรัสธรรม พรหมมะ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องระวังไว้อย่างมาก เพราะเวลาจะดูการกระทำของคนต้องดูประวัติความคิด โดยการที่สมเด็จฮุนเซนเป็นใหญ่ มีอำนาจอยู่ในมือจนถึงทุกวันนี้ก็อาศัยความร่วมมือจากประเทศเวียดนาม ฉะนั้นจึงมีความคิดว่าต้องอาศัยกำลังจากต่างชาติมาช่วยเพื่อทำให้ขึ้นเป็นใหญ่ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองจะสังเกตว่าจะอาศัยความร่วมมือจากสมเด็จฮุนเซน ทั้งนี้จะมองได้ชัดเจนหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เดินทางไปประเทศกัมพูชาเพื่อพบกับสมเด็จฮุนเซนเหตุการณ์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็เสียไปเยอะ โดยมีลักษณะคล้ายกับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไปขอความร่วมมือสมเด็จฮุนเซน โดยคาดว่าจะมีการต่อรองในเรื่องผลประโยชน์กัน ถึงได้รับความร่วมมืออย่างนี้ อีกทั้งสมเด็นฮุนเซน มีประวัติในเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศจึงทำให้ได้อำนาจมากมายจนถึงทุกวันนี้

พื้นฐานฮุนเซนไร้การศึกษา
อย่างไรก็ตามพื้นฐานของสมเด็จฮุนเซนไม่ใช่คนที่มีการศึกษาดี โดยเป็นทหารมาก่อน ฉะนั้นการที่ได้ขึ้นมามีอำนาจจะต้องมีความสามารถในการแสวงหาผลประโยชน์ แสวงหาอำนาจอย่างมาก ซึ่งหากเปรียบเทียบกับสากลเป็นคนที่ไม่ค่อยยึดหลักสากลเท่าไหร่ ทุกอย่างที่ทำไปเป็นการทำตามใจตัวเอง เพราะถือว่ามีอำนาจ ทั้งนี้หากนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมองดูแล้วเป็นการหวังได้รับความช่วยเหลือจากสมเด็จฮุนเซน ซึ่งหากสังเกตดูแล้วถ้าข่าวที่เสนอไปมีความถูกต้อง ที่บอกว่ามีคนของทางพรรคเพื่อไทยและญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางไปประเทศกัมพูชานั้น จะเห็นว่าเป็นการวางแผนกันไว้ล่วงหน้าแล้วในการที่จะทำอย่างไรให้เข้ามาสู่อำนาจได้ และเอาทรัพย์สินคืน เพราะคดีที่ถูกตัดสินล่าสุดคือคดีที่ดินรัชดาที่ถูกอายัดทรัพย์ไปกว่า 7.6 หมื่นล้าน

ดร.อรัสธรรม กล่าวว่า ดังนั้นการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปร่วมมือกับสมเด็จฮุนเซนก็เป็นทางออกทางเดียวที่จะเอาทรัพย์สินคืน จึงต้องอาศัยกองกำลังจากคนอื่นช่วย และร่วมมือกับพรรคพวก ตรงนี้ก็ต้องระวังอย่างมาก เพราะหากต่างฝ่ายต่างมีการใช้กำลัง แต่มองดูแล้วประเทศไทยคงจะไม่ไปใช้กำลัง แต่ประเทศกัมพูชาจะมีการใช้กำลังก่อน ฉะนั้นฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลตรงนี้ให้ดี แต่ต้องทำในลักษณะที่นุ่มนวล

คบหากันด้วยผลประโยชน์
ส่วนความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยึดสมเด็จฮุนเซนเป็นแม่แบบนั้น อาจจะไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นบุคคลที่มีเล่ห์กลมากพอสมควร ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีลักษณะเด่นคือ อะไรที่เป็นผลประโยชน์และสามารถทำให้มีอำนาจได้ก็จะทำ ดังนั้นหากพูดในเชิงวิชาการก็จะเป็นแบบพวกเมอเควลิต คือจะทำวิธีการใดก็ได้เพื่อให้ได้ชัยชนะ เพื่อทำให้ได้ไปสู่เป้าหมาย ฉะนั้นจะไม่แคร์ตรงนี้ แม้กระทั่งจะถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เองจะซื่อสัตย์ต่อสมเด็จฮุนเซนหรือไม่นั้น ตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่มีความซื่อสัตย์ เพราะหากทั้ง 2 คนมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ก็จะทำไป เพราะต่างคนต่างอาศัยซึ่งกันและกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผลประโยชน์ขัดกันก็จะต้องเอาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อน ฉะนั้นอาจจะมีความคิดที่จะอาศัยสมเด็จฮุนเซน และตัวสมเด็จฮุนเซนเองก็อาศัย พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน

แม้วพยายามพาดพิงสถาบัน
ดร.อรัสธรรม กล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณเองก็อาศัยสมเด็จฮุนเซนเพื่อให้ได้กลับมาครองอำนาจ เท่าที่สังเกตในเรื่องของความคิด หากวิเคราะห์คำสัมภาษณ์ที่ให้ไว้ในไทม์สในรายละเอียดคำต่อคำก็จะเห็นได้ว่าแผนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นแผนของการแบ่งแยกและปกครอง คือแบ่งแยกทั้งในระดับประเทศภายในประเทศและมีลักษณะที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ จะอาศัยสื่อทั้งในและต่างประเทศเพื่อทำให้มีข้อมูลที่สับสน แล้วพยายามบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะเล่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจากถ้อยคำที่เขาให้สัมภาษณ์ไทม์สจะเห็นว่ามีความพยายามไปกระทบระดับสูงคือสถาบันระดับสูง และมีการพูดคล้ายกับว่า ส่วนจะเป็นชมหรือว่าต้องดูอีกครั้ง แต่บางที่ก็มีเทคนิคอย่างนี้ ซึ่งคนระดับนี้บางทีพูดจะเหมือนชม เหมือนยกย่องแต่ทำลาย โดยจะมีเทคนิกตรงนี้ ต้องการทำลายแต่ใช้วิธีชม ถ้าทำให้เกิดความขัดแย้ง แบ่งแยกทุกสถาบันได้ก็จะกลายเป็นจุดอ่อน พอเป็นจุดอ่อนก็จะโจมตี และเข้ามามีอำนาจโดยอาศัยกำลังฝ่ายสมเด็นฮุนเซนช่วย

2คนจับมือโคตรอันตราย
เมื่อถามว่าเมื่อทั้ง 2 บุคคลจับมือกันหลายฝ่ายเกรงว่าจะเป็นอันตรายสำหรับประเทศไทย ดร.อรัสธรรม กล่าวว่า ใช่ เป็นอันตรายแน่นอน นอกจากในเรื่องของความมั่นคงแล้ว ในเรื่องการสูญเสียผลประโยชน์ของประเทศชาติก็มี เพราะทั้ง 2 คนจะยึดผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักก่อน แต่หากจะพูดถึงส่วนรวมก็จะเป็นฉากบังหน้า จะอาศัยประชาชนเป็นเครื่องมือแต่เป้าหมายจะอยู่ตรงที่จะทำอย่างไรให้สามารถขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นคนที่ว่าถ้าตรงไหนดูแล้วยุทธศาสตร์พลาดก็จะมีการออกมาแก้ทันที หรืออาจจะใช้วิธีการทำให้คนเข้าใจไปอีกแนวหนึ่ง

“อย่าลืมว่าเป้าหมายเพราะเขาใช้รากหญ้า ซึ่งจุดอ่อนของรากหญ้าคือว่า เอาง่ายๆถ้าสมมติว่าข่าวที่ออกมาทางไทม์สเป็นภาษาอังกฤษ ถามว่าคนรากหญ้าอ่านภาษาอังกฤษได้ไหม ก็ไม่ได้ ฉะนั้นเขาก็ใช้วิธีการนี้ ในเมื่อรู้ว่าตรงนี้เป็นจุดอ่อน ก็มีการแปลเป็นไทยแบบบิดเบือนข้อความ แล้วอาศัยความไม่รู้ของคนรากหญ้ามาเป็นเครื่องมือ ฉะนั้นเขาก็ศึกษาแนวคิดของฮุนเซน ซึ่งไม่ใช่ศึกษาเฉพาะฮุนเซนเท่านั้นแต่มีการศึกษาทั้งสิงคโปร์ เพราะจำได้ว่าในอดีตเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะเป็นแบบนั้น อยากครองอำนาจได้นานเหมือนกับฮุนเซน เหมือนลีกวนยู”

ห่วงคนรากหญ้าจะถูกหลอก
ฉะนั้นเขาจะศึกษาชีวิตของคนที่ครองอำนาจได้นานๆ แล้วก็จะเอาวิธีการที่ผู้นำที่ครองอำนาจได้นานเอามาเป็นวิธีการและผสมผสานกัน ฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องที่อันตราย ซึ่งทุกคนก็กังวลกันเยอะในเรื่องนี้ เท่าที่ฟังดู จากเหยื่อของเขา

ดร.อรัสธรรม กล่าวว่า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือคนรากหญ้า แต่คนระดับชั้นกลางขึ้นไป คนที่สามารถติดตามข่าวสารได้เอง อ่านภาษาอังกฤษออก อาจจะไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่เขาจะใช้วิธีบิดเบือนไปสู่คนรากหญ้าที่มีเยอะ ตรงนี้ก็จะมองว่าประชาชนจะทำลายประเทศชาติไม่ใช่ แต่เป็นความเข้าใจผิดและความซื่อใสจะทำให้เป็นเหยื่อของคนที่ต้องการจะมาอาศัยผลประโยชน์ เพราะหากสมมติว่ายังเป็นรัฐบาลชุดนี้อยู่ คิดว่าสมเด็จฮุนเซนคงมีความรู้สึกว่าคงจะไม่ได้ผลประโยชน์เท่าที่ต้องการ แต่หากคบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะได้ผลประโยชน์มากกว่า ฉะนั้นทั้งสองจึงต้องร่วมมือกัน

แม้วยังไว้ใจได้หรือเปล่า
ดร.สุรชัย ศิริไกร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะยึดฮุนเซนเป็นตัวอย่าง ว่าเป็นเรื่องที่อันตรายที่สุด เพราะการขึ้นเป็นโมเดล ของฮุนเซน คือ 1.ใช้กองกำลังต่างชาติ 2.ใช้วิธีการโค่นล้ม จัดการเอาพระมหากษัตริย์ที่ครอบงำไม่ได้ออก แล้วก็เชิดเจ้านายที่คิดครอบงำได้เป็นกษัตริย์แทน 3.ให้กษัตริย์ที่ตัวเองครอบงำได้นั้น แต่งตั้งให้ตัวเอง เป็นเจ้า

ตรงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ฉะนั้นต้องพิจารณาสถานภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ใหม่ว่า จะไว้วางใจได้ต่อไปหรือไม่ หลัง ฮุนเซน แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้ประชาชนและรัฐบาลสามารถ ทบทวนได้ตลอดเวลา รวมถึงเอ็มโอยู ต่างๆ ที่ทำขึ้นในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่อาจเห็นต่าง หรือเกิดข้อผิดผลาดได้ อย่าง เอ็มโอยู เป็นแค่บันทึกช่วยจำ ไม่ได้เป็นสนธิสัญญา สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นหากรัฐบาล ระแวงสงสัยอะไร ให้เอาข้อมูลมาเปิดเผย แล้วให้นักวิชาการมานั่งวิเคราะห์ ว่า หลักการนั้นตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่ มีอะไรควรแก้ไข

ก็แค่มนุษย์2คนจนตรอก
รศ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า หากมองไปแล้วทั้งสมเด็จฮุนเซน และพ.ต.ท.ทักษิณ จนตรอกกันทั้งคู่ ซึ่งสมเด็จฮุนเซนผิดหวังเรื่องเขาพระวิหาร เพราะประเทศไทยไม่เกี่ยวข้องกัมพูชาก็ไม่สามารถขึ้นเป็นมรดกโลกได้ เพราะเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็ขีดเส้นตายแล้ว ฉะนั้นผลประโยชน์ที่ทำร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สูญเปล่า ซึ่งทั้งคู่เลยอยู่ในภาวะที่จนตรอก และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เจ็บปวดไม่น้อยเพราะเป็นคนไร้แผ่นดินอยู่ แต่สิ่งเหล่านี้ตนคิดว่าประเทศไทยอยู่เฉยๆ จะดีกว่า ตัดความสัมพันธ์การทูตกับรัฐบาลกัมพูชาแต่ประชาชนชาวกัมพูชาประเทศไทยก็ควรให้ความช่วยเหลือ อย่างที่เปิดด่านก็ถือเป็นเรื่องดี ขณะเดียวกันไทยเองก็ควรเข้มแข็งกันภายใน เพราะตนเป็นห่วงภายในประเทศที่กำลังแตกแยก เพราะจะเป็นช่องให้ฝ่ายตรงข้ามก่อความไม่สงบขึ้นมา แต่ปัญหาที่อันตรายในการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปอยู่กัมพูชาอาจจะมีการเข้ามาก่อความไม่สงบในไทยเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็มีเครือข่ายในไทยเยอะ

ขอแค่คนไทยอย่าแตกกันเอง
“แต่เราต้องระวังตัวภายในให้ดี ความแตกแยกหรือความคิดเห็นไม่สอดคล้องกันในเรื่องความเป็นชาติ ก็จะมีหลายฝ่ายคิดแบบแตกแยก หรือเห็นด้วย ก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นมา ซึ่งตนไม่กลัวอะไรแต่กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะเขมรไม่สามารถคุกคามไทยได้ ทำได้เพียงเสนอข่าวออกมาเท่านั้น ฉะนั้นภายในต้องทำความเข้าใจให้ดี การที่ภายนอกเข้ามาคุกคามนั้นเป็นเพราะว่าภายในแตกแยกกันเอง ขณะนี้รัฐบาลได้เปรียบ แต่ถ้าไม่จัดการภายในให้เรียบร้อยให้มั่นคงภายในเดือดร้อนแน่ ฉะนั้นการคุกคามจากคุณทักษิณและสมเด็จฮุนเซนเข้ามาในประเทศไทยเกิดขึ้นไม่ได้แน่นอน แต่หากเรายังมีความขัดแย้งกันภายในอาจจะมีการแทรกซึมเข้ามาโค่นล้มระบบกษัตริย์ได้ ผมคิดว่าเขามาไม้นี้แน่นอน และมันไม่มีความอันตรายใดๆทั้งสิ้น เพราะเขาจนตรอกและเป็นทรราชด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเรามั่นคงภายในประเทศไทยก็จะสบาย”
เตือน!อย่าเอาฮุนเซนมาเกี่ยวไทย
รศ.ศรีศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่สมเด็จฮุน เซน เคยทำไว้กับประเทศกัมพูชาเอง คือนำกองกำลังต่างชาติเข้ามาไล่ชาวเขมรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง จากนั้นก็เข้ายึดครองประเทศเขมร ต่อมาก็ลิดรอนระบบกษัตริย์ โดยขับไล่เจ้านโรดมสีหนุ กษัตริย์ขณะนั้นลงจากตำแหน่ง

ส่วนโอรสคือสมเด็จเจ้านโรดมรณฤทธิ์ก็ต้องมาลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วสมเด็จฮุน เซน ก็ได้เชิญสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหมุนี ที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวการเมืองในประเทศเลยมาเป็นกษัตริย์ หากศึกษาประวัติศาสตร์จะเห็นว่า สมเด็จฮุน เซนทำอะไรไว้กับประเทศเขมร จึงเกรงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะทำเช่นนี้ จึงอยากฝากไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต และฝ่ายที่กำลังชักศึกเข้าบ้าน อย่านำสมเด็จฮุน เซน มายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของไทย ขอให้นึกถึงความเป็นชาติไทยให้ดี

เรื่องอันตรายอย่างแน่นอน
นายปองพล อดิเรกสาร อดีต สส.พรรคไทยรักไทย กรณีที่พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกำลังร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อให้ตนเองกลับมามีอำนาจ ว่า เรื่องดังกล่าวก็เหมือนประวัติศาสตร์ไทย เมื่อก่อนเราเคยช่วยเจ้าเขมรให้กลับไปครองราชย์ แต่เหตุการณ์ในปัจจุบัน มันกลับกัน เมื่อ เขมรมาช่วยให้นักการเมืองไทยให้กลับมามีอำนาจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่อันตรายรวมทั้ง ส่งผลกระทบสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากัตริย์ เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเปิดเผยเช่นนี้ก็ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกได้รับรู้ ถึงความจริง รวมทั้ง ได้รู้ได้เตรียมตัวเพื่อดูแลตัวเองได้ ถ้าเหตุนี้ไม่เกิดเราก็ยังไม่ไหวตัวทันแต่เมื่อไหวตัวทันแล้วเราก็ต้องทำ อย่างไรก็ตาม ตนบอกได้เลยว่า ในส่วนเรื่องของต่างประเทศก็ต้องให้รัฐบาลโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการกับเรื่องดังกล่าวแต่ในส่วนภายในประเทศต้องให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ

ที่มา ข่าวการเมือง ข่าวต่างประเทศ ข่าวทักษิณ ข่าวฮุนเซน จาก ประชาทรรศน์

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template