ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

26 พฤศจิกายน 2552

ข่าวสด : โกง"งบตร."หมื่นล. จู่โจมค้น คดีจ่อพล.ต.ท."ป."

กองปราบบุก 4 จุด บ้านพตอ.รวมนคร "อดีตผอ.งบฯ"ด้วย ยึดข้อมูลซื้อขาย จยย.โฉ่-ไทเกอร์

กองปราบฯรุกคดีโกงงบตำรวจ 1.2 หมื่นล้าน จู่โจมค้น 4 จุดพร้อมกัน บ้านพักนายตำรวจคนดัง"พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย"ยึดเอกสารสำคัญ ขณะเดียวกัน ก็บุกค้นบริษัทรถมอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ ยึดหลักฐานเด็ดข้อมูลการซื้อ-ขายในคอมพิวเตอร์ อีกชุดบุกค้นบริษัทให้เช่ารถยนต์ยึดเอกสาร 13 ลังมาตรวจสอบ แฉโยงใยพล.ต.อ.ทั้งในและนอกราชการ รวมถึงพล.ต.ท."ป."ที่ยังอยู่ในราชการด้วย รรท. รองผบช.ก."พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์"ระบุเป็นคดีใหญ่ร่วมกันโกงงบประมาณเป็นขบวนการ ออกหมายเรียกสอบอดีตผอ.สำนักงบประมาณ-รักษาการผอ.ขสมก.สอบวันที่ 2 ธ.ค.

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รรท. รองผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ รรท. ผบก.ป. พร้อมกำลังตำรวจกองปราบปรามทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย เข้าตรวจค้นเพื่อหาหลักฐาน ในจุดต้องสงสัยรวม 4 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป้าหมายที่เข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นหลายโครงการในสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งหน่วยงานรัฐอีกหลายแห่ง โดยมีกลุ่มบุคคลทั้งในและนอกราชการร่วมมือกันเป็นขบวนการ มีมูลค่าความเสียหายมากถึง 12,000 ล้านบาท

จุดแรก พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ และพ.ต.ท.อภิรักษ์ สิทธิสมบูรณ์ สว.กก.ปพ.บก.ป. นำกำลังไปยังบ้านเลขที่ 161/9 ซอยติวานนท์ 24 แยกซอยเทพพนม 1/7 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี บ้านพักของนายบัณฑูร สุภัควณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อส่งหมายเรียกตัวให้มาสอบปากคำ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าสำนักงบประมาณมีส่วนเกี่ยวพันกับการจ่ายงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ มายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายแห่ง

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ มีเนื้อที่หลายไร่ มีรั้วสูงทึบ แต่ไม่มีผู้ใดออกมาเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมา ทราบว่านายบัณฑูรไม่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ จึงเดินทางไปที่บ้านพักอีกแห่งหนึ่งของนายบัณฑูร ที่บ้านเลขที่ 7/348 ซอยวิภาวดีรังสิต 36 แขวง และเขตจตุจักร กทม. เมื่อเดินทางไปถึงก็พบว่าบ้านถูกปิดเงียบอีกเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงได้กดสัญญาณเรียก เจ้าของบ้านจึงได้เปิดประตูไฟฟ้า พร้อมกับให้เด็กในบ้านออกมาเจรจา พร้อมกับรับหมายเรียกดังกล่าว แล้วนำกลับไปให้คนในบ้านเซ็นรับเอกสาร ก่อนจะนำส่งมอบคืนเอกสารต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนชุดที่ 2 พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ รรท. ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. พร้อมกำลัง ได้นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 5/55 หมู่บ้านคฤหาสน์ทายาท ถ.ติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทราบต่อมาว่าเป็นบ้านพักของ พ.ต.อ. รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจชื่อดัง ผู้บริหาร บริษัท อาร์เอ็นที จำกัด เป็นคฤหาสน์หรูทรงยุโรปสองชั้น ปลูกอยู่ในเนื้อที่ 2 ไร่ เมื่อตำรวจเดินทางไปถึง ก็มีคนงานจากในบ้านได้ออกมาพบแจ้งให้ทราบว่าไม่ยอมให้เข้าตรวจค้น อ้างว่าต้องติดต่อเจ้าของบ้านให้รับทราบก่อน

ต่อมา มีหญิงสาวคนหนึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของพ.ต.อ.รวมนคร ออกมาแสดงตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงหมายค้นให้ดูอีกครั้ง แต่หญิงคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอมเปิดประตูให้ อ้างว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ ต้องประสานงานมาก่อนเท่านั้น พ.ต.อ.สุพิศาล จึงได้ติดต่อไปพล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรานนท์ รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เพื่อให้เดินทางมาช่วยเจรจา

หลังจากที่พล.ต.ต.ศุภกิจ เดินทางมาถึงแล้ว จึงได้โทรศัพท์หา พ.ต.อ.รวมนคร จึงทราบว่า พ.ต.อ.รวมนครนั้นอยู่ภายในบ้าน โดยยินยอมให้เข้าตรวจค้น แต่มีข้อแม้ว่าตำรวจกองปราบปรามต้องเข้าค้นร่วมกับตำรวจท้องที่ อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นกลับมีเงื่อนไขจากพ.ต.อ. รวมนคร ที่ไม่ยอมให้ตำรวจกระจายกันตรวจค้น ต้องรวมกันเป็นจุดภายในบ้านเท่านั้น เบื้องต้นตำรวจยึดเอกสารจากภายในบ้านจำนวนหนึ่ง และเอกสารภายในรถยนต์มาตรวจสอบต่อไป
บุกค้น - พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รรท.รองผบช.ก.เข้าตรวจค้นบ้านพักนายบัณฑูร สุภัควณิช อดีตผอ.สำนักงบประมาณ ที่จ.นนทบุรี หาหลักฐานคดีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างหลายโครงการในสตช.กว่าหมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 25 พ.ย.




ส่วนกำลังชุดที่ 3 นำโดยพ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พร้อมกำลังตำรวจกว่า 10 นาย เดินทางเข้าตรวจค้นที่ บริษัท มิลเลนเนี่ยม มอเตอร์ จำกัด ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จากการเข้าตรวจค้นพบว่าโรงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อไทเกอร์ เจ้าเดียวที่ผลิตรุ่น 200 ซีซี โดยเจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายกันเข้าตรวจค้นหาหลักฐานเอกสารต่างๆ เช่นสัญการซื้อขาย รวมทั้งหลักฐานที่บันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับการซื้อขายรถจักรยาน ยนต์ยี่ห้อดังกล่าว รุ่นขนาด 200 ซีซี จำนวน 19,147 คันให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นผบ.ตร. และมีการร้องเรียนจนเป็นสาเหตุให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถูกปลด

กำลังชุดสุดท้ายนำโดย พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปพ.บก.ป. นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นที่ บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด เลขที่ 2 ซ.ลาดพร้าว 21 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. โดยผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารที่ต้องนำมาตรวจสอบจำนวน 13 ลัง ตู้เอกสาร 3 ชั้น 1 ตู้ นอกจากนี้ยังตรวจยึดเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ รวม 6 เครื่อง เพื่อนำมาตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ส่วนเหตุผลที่ต้องเข้าตรวจค้นจุดนี้ก็เนื่องจากพบหลักฐานว่ามีเอกสารการซื้อขายรถยนต์ที่บริษัทแห่งนี้ ที่เกี่ยวโยงกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งกับผู้บริหารของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่าขณะตรวจค้นได้มีการส่งพนักงานให้เข้ามาประวิงเวลาการเข้าตรวจค้น เพื่อจะทำลายเอกสารจำนวนหนึ่ง แต่ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปเห็นพอดีก็เลยสั่งให้หยุด หลังจากนั้นจึงได้ยึดเอาเครื่องทำลายเอกสารกลับมาด้วย

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่าคดีนี้สืบเนื่อง จาก พล.ต.ต.วารินทร์ แก้วชมพู ผบก.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้กองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.รัชนก แจ๊ะซ้าย ในฐานะกรรมการ บริษัท คาร์ แทร็กกิ้ง จำกัด และนายปิติ มโนมัยพิบูลย์ ในฐานะกรรมการ บริษัทไท เกอร์ มอเตอร์ จำกัด กับพวกในความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต่อมา กองปราบปรามได้สืบ สวนสอบสวนกระทั่งพบว่า บริษัท ไทเกอร์ มอเตอร์ จำกัด กับพวกได้ร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจ และข้าราชการทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ร่วมกันกระทำความผิดกันในลักษณะเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการสืบ สวนและสอบสวนพบว่าการดำเนินการของผู้เกี่ยวข้องหลายคน มีทั้งภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐ ได้เข้าข่ายการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ อันเป็นการกระทำความผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความผิดต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งการสืบสวนขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เบื้องต้นจึงต้องออกหมายเรียกตัวให้ผู้เกี่ยวข้อง คือ นายบัณฑูร มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนายบัณฑูรแล้ว ก็ยังได้ออกหมายเรียกให้นางปราณี ศุกระศร รักษาการแทน ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ให้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 ธ.ค. เนื่องจากพบความเกี่ยวพันกันในบางประเด็น ในขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เพียงแต่ต้องการมาสอบสวนก่อนเท่านั้น ทั้งนี้การเข้าตรวจค้น และยื่นหมายเรียกครั้งนี้เป็นการกระทำตามกฎหมาย เพื่อหาข้อมูลและพยานหลักฐาน ก่อนที่จะรวบรวมสิ่งที่ได้ทั้งหมดเสนอต่อศาล เพื่อออกหมายจับผู้กระทำความผิด ถือว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันเป็นขบวนการเพื่อโกงงบประมาณของรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า คดีนี้ได้ใช้เวลาสืบสวนมาเป็นเวลานาน เพราะเป็นคดีที่มีการพาดพิงไปถึงนายตำรวจระดับสูงหลายนายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และที่ยังรับราชการอยู่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลัง และหน่วยงานรัฐอีกหลายแห่ง คาดว่าหลังจากการสอบปากคำนายบัณฑูร และนางปราณี แล้ว พนักงานสอบสวนก็ยังเตรียมที่จะออกหมายเรียกนายตำรวจระดับพลตำรวจโท อักษรย่อ "ป." ปัจจุบันยังรับราชการอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาสอบปากคำด้วย นอกจากนี้รายงานการสืบสวนยังคาดด้วยว่าคดีนี้อาจจะสาวไปถึงนายตำรวจยศ "พลตำรวจเอก"คนหนึ่งที่ยังคงรับราชการอยู่ เนื่องจากพบว่ามีความเกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใสระหว่างบริษัทเอกชนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสมัยที่นายตำรวจคนดังกล่าวดำรงตำแหน่งในระดับผู้บัญชาการ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่าสำหรับหลักฐานที่จะใช้มัดผู้ต้องหาในคดีนี้ เบื้องต้นทราบว่ามีพยานเอกสารจำนวนมากที่ยืนยันการกระทำความผิด ซึ่งตอนนี้เอกสารดังกล่าวอยู่ในมือของพนักงานสอบสวนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอกสารการซื้อขายรถยนต์ที่เชื่อว่าเป็นการให้สินบนกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและบริษัทเอกชน นอกจากนี้ ยังมีเอกสารการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศของครอบครัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่ง ที่เดินทางด้วยเครื่องบินชั้นเฟิร์สต์คลาสไปกับบริษัทเอกชน นอกจากนี้ ยังมีเอกสารที่ยืนยันด้วยว่าอดีตนายตำรวจระดับนายพลคนหนึ่ง เคยเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจรับสินค้า ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นกรรมการบริษัทของบริษัทเอกชนที่ขายสินค้านั้นให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ซึ่งหลักฐานต่างๆ ค่อนข้างชัดเจน

สำหรับ พ.ต.อ.รวมนคร เป้าหมายสำคัญของการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ทราบว่า พ.ต.อ.รวมนครเป็นนรต.รุ่น 42 เป็นอดีตนายตำรวจที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งคนหนึ่ง ที่ทำธุรกิจประมูลงานกับหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะงานประมูลที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่สามแห่ง ประกอบด้วย บริษัท ไทย ลองสเตย์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว บริษัท เอ็นจีวี กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจปั๊มแก๊สเอ็นจีวี และ บริษัท อาร์เอ็นที เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ผลิตและเช่าเวลารายการสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า ระหว่างที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นที่บ้านพักของ พ.ต.อ.รวมนครนั้นได้มีโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงหลายนาย โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายตำรวจระดับสูงของกองปราบปราม รวมทั้งยังติดต่อไปยังนายตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางด้วย ทั้งนี้เพื่อขอทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากคดีนี้มีการสืบสวนในทางลับมาเป็นเวลานาน ขณะที่นายตำรวจระดับสูงบางคนยังพยายามที่จะยับยั้งการเข้าตรวจค้นของตำรวจกองปราบปรามอีกด้วย

เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม นำหมายค้นไปตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนายตำรวจหลายนายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่คิดว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจกองปราบฯตามปกติ ซึ่งเมื่อมีคนไปแจ้งความร้องทุกข์ หากเกิดความสงสัยเจ้าหน้าที่จึงไปตรวจค้นตามปกติ ซึ่งโดยหน้าที่เขาก็ต้องไปตรวจค้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีดังกล่าวเกี่ยวพันกับอดีตผบ.ตร.ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ยังคาดเดาไม่ได้ เพราะตนยังไม่ได้รับรายงานอะไรขึ้นมา เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับผบก.ป.

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวมีการร้องทุกข์กล่าวโทษมานานแล้ว รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่มี เพราะช่วงนั้น ตนเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเรื่องดังกล่าว จึงไม่ทราบรายละเอียด ต้องรอให้รายงานขึ้นมาก่อน ซึ่งตนยึดหลักว่าใครคุมเรื่องอะไร คนนั้นต้องไปดูรายละเอียดเรื่องนั้น และคิดว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับตำแหน่งว่าที่ผบ.ตร.

สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.วารินทร์ แก้วชมภู ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.ได้รับมอบอำนาจจากสำนักงานผบ.ตร. เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้สอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ในกรณีการทุจริตโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาดเครื่องยนต์ 200 ซีซี จำนวน 19,147 คัน พร้อมอุปกรณ์ ราคากลางคันละ 65,000 บาท งบประมาณทั้งหมด 1.2 พันล้านบาท ในสมัยที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับบริษัท คาร์ แทรคกิ้ง จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าวในข้อหาฉ้อโกง

ตามรายงานการสอบสวน พล.ต.ต.วารินทร์ ให้การว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ. ตร. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง เพื่อตรวจสอบการทุจริตในโครงการจัดหารถจักรยานยนต์สายตรวจดังกล่าว แล้วพบว่าเกิดความไม่โปร่งใสในการเปิดซองประมูล และมีผู้กระทำผิดในหลายส่วน ซึ่งในส่วนของที่เป็นข้าราชการตำรวจได้ส่งเรื่องต่อให้ป.ป.ช. ดำเนินการแล้ว ส่วนกรณีบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด เป็นบริษัทผู้ชนะการประมูลนั้น มีความผิดในฐานะนิติบุคคล ผู้ที่มีส่วนในการกระทำผิดตามกฎหมายอาญาในการที่ผิดเกี่ยวกับเรื่องแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จหรือใบประกวดราคา(ทีโออาร์)ให้เจ้าหน้าที่ประมูล

สำหรับโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ทดแทน จำนวน 19,147 คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิก เกิดขึ้นในสมัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นผบ.ตร. หลังจากนั้นได้ถูก บ.แพล็ททินัม มอเตอร์เซลส์ จำกัด ร้องเรียนว่าเป็นการฮั้วประมูล ล็อกสเป๊ก ในการจัดซื้อจัดจ้าง และเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อน

สำหรับโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ทำแทน จำนวน 19,147 คัน ราคากลางคันละ 65,000 บาท งบประมาณ 1.2 พันล้านบาท ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ นั้น กองพลาธิการและสรรพา วุธ โดยพล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ผบก.พธ.ในขณะนั้น ได้ออกประกาศเรื่องนี้ในเว็บไซต์กรมบัญชีกลางเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 เพื่อประกวดราคาซื้อ

ต่อมา มีผู้เสนอราคาที่มายื่นเอกสารประกวดราคา จำนวน 3 รายประกอบด้วย บ.คาร์แทรค กิ้ง จำกัด มีน.ส.รักชนก แจ๊ะซ้าย เป็นกรรมการบริษัท เสนอรถยี่ห้อ ไทเกอร์ ขนาด 200 ซีซี บ.แพล็ททินัม มอเตอร์เซลส์ จำกัด บ.เจ อาร์ ดี ไบร์ท มอเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ซึ่งพธ.ได้ทำสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์สายตรวจ 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์(ทดแทน) จำนวน 19,147 คัน กับบ.บ.คาร์แทรคกิ้ง จำกัดตามสัญญาซื้อขายเลขที่ พธ.77/2550 ลงวันที่ 10 ก.ย.2550 กำหนดส่งมอบภายใน 585 วัน ครบกำหนดวันที่ 17 เม.ย.2552

หลังจากนั้น บ.แพล็ทนินัม มอเตอร์เซลส์ จำกัด ได้เข้าร้องเรียน เพราะพบข้อพิรุธในทีโออาร์ว่า มีการล็อกสเป๊ก ฮั้วประมูลอย่างชัดเจน เพราะรถขนาด 200 ซีซีตามท้องตลาดนั้นมีเพียงยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งราคาสูงกว่าราคากลาง ยี่ห้อไท เกอร์ขนาด 200 ซีซี ราคาขายประมาณ 62,000 บาท ของบริษัทไทเกอร์ มอเตอร์ จำกัด และบ. มิลเลเนี่ยมมอเตอร์ จำกัด และรถส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะมีขนาด125/150/250/400 ซีซีเท่านั้น

นอกจากนั้น สตช. กำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลต้องได้หนังสือรับรองมาตรฐาน ISO ปรากฏว่าในประเทศไทย เมื่อปลายปี 2549 มีรถจักรยานยนต์ 2 ยี่ห้อ เพิ่งได้รับ ISO ทำให้ สงสัยว่าน่าจะมีการวางแผน ล็อกสเป๊กล่วงหน้าเพื่อประมูลงานนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากมาตรฐาน ISO ไม่มีความจำเป็นสำหรับประเทศไทย แค่มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) รับรองก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ที่มา ข่าวทุจริต ข่าวอาชญากรรม ข่าวคอร์รัปชัน ข่าวการเงิน จาก ข่าวสดออนไลน์

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template