ข่าวเด่น ข่าวร้อนวันนี้ : กรุงเทพธุรกิจ

09 พฤศจิกายน 2552

กรุงเทพธุรกิจ : รมว.ต่างประเทศอัดทักษิณจ้วงสถาบัน

"กษิต"อักทักษิณจาบจ้วงสถาบัน ในกรณีสัมภาษณ์ไทม์ออนไลน์ พร้อมเตือนฮุนเซนคิดให้ดี ขณะที่ดีเอสไอเตรียมสอบคำสัมภาษณ์

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงตอบโต้กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เว็ปไซต์ไทม์ออนไลน์ ของหนังสือพิมพ์ เดอะไทม์ ในประเทศอังกฤษว่า ตามที่เว็ปไซด์ดังกล่าวนำเสนอรายงานข่าว โดยแปลเป็นภาษาไทยได้ในหัวข้อ ”ผู้ถูกขจัดออกจากอำนาจ ผู้นำทักษิณเรียกร้องให้มียุคใหม่ที่จรัสแสง ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ“ ซึ่งเขียนโดยนายริชาร์ด ลอย์ด แพร์รี่ (Richard Lloyd Parry) ที่รายงานคำให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะรัชทายาท

ทั้งนี้ หลายส่วนในรายงานข่าว มีข้อความที่พาดพิงโดยมิบังควรไปถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่มีการลงข้อมูลคลาดเคลื่อนที่เกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายกษิต กล่าวว่า ขอชี้แจงดังนี้ การให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นสิ่งก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่นอกจากจะเป็นเสาหลักของประเทศยังเป็นสถาบันที่เราเคารพเทิดทูน จึงเป็นสิ่งที่คนไทยยอมรับไม่ได้ เพราะขณะนี้ประชาชนชาวไทยทั้งหมด อยู่ระหว่างการรวมใจถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หายจากพระอาการประชวร แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับใช้จังหวะเวลานี้ ให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่จาบจ้วงและไม่เป็นมงคลเช่นนี้ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีจุดประสงค์แอบแฝงหรือกำลังเคลื่อนไหวบางอย่างที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหากพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยที่มีใจรักชาติและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์จริง คงไม่ทำเช่นนี้

รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า เขามองว่า การให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ สะท้อนถึงความอึดอัดของตัวพ.ต.ท.ทักษิณที่ไม่สามารถชี้นำ และโน้มน้าวคนทุกฝ่ายในสังคมได้ เหมือนที่เคยทำมาในอดีต ส่วนความเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุเกี่ยวกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯว่า ทรงได้รับการศึกษาในต่างประเทศ และมีพระชนมายุน้อย ทรงเข้าใจโลกในปัจจุบันดีนั้น เสมือนเป็นการเปรียบเทียบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุถึงสถานะของตัวเองอย่างไม่ถูกต้อง ในการให้สัมภาษณ์ โดยเฉพาะประเด็นที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ไปลี้ภัยในต่างประเทศ จึงต้องชี้แจงว่า สถานะของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายค้าน อีกทั้งในการเดินทางกลับมาประเทศไทยหลังการปฏิวัติ ยึดอำนาจ 19ก.ย. 49 สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และออกจากประเทศไทย ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณคดีที่ดินรัชดา เป็นเวลา 2 ปี

อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจว่า ผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้รายงานข่าวฉบับนี้ขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับบทบาทที่อยู่เหนือการเมือง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายกษิต กล่าวว่า ในส่วนคำให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ กรณีที่สมเด็จฮุนเซ็น แต่งตั้งให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนั้น โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าเป็นการสร้างความโกรธเคืองให้นายอภิสิทธิ์ แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ และเพื่อสืบทอดสิ่งที่เคยทำไว้ในสมัยที่ตัวเองเป็นนายกฯ ซึ่งคนไทยที่รักชาติไม่เห็นด้วยและรับไม่ได้ เพราะจากโพลล์สำรวจความคิดของประชาชนร้อยละ 50 ไม่เห็นเกี่ยวกับการตอบรับเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของพ.ต.ท.ทักษิณ และอีกร้อยละ 90 เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ จนตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการแต่งตั้ง และออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรหากผู้ประกอบการกัมพูชา บอยคอตสินค้าจากประเทศไทย นายกษิต กล่าวว่า เรื่องยังไม่เกิด แต่ที่ผ่านมานายกฯพูดหลายครั้งแล้วว่า จะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่จะกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนกัมพูชา และยังรักและเคารพในคนกัมพูชา ต้องการให้มีการค้าขายสัญจรไปมาเหมือนเช่นเดิม

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะส่งหนังสือชี้แจงหรือตอบโต้ไปทางเว็บไซต์ ที่นำเสนอบทความเรื่องนี้หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง ให้กับทางกัมพูชาได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้น จะบอกกับคณะทูตของมิตรประเทศต่าง ๆ ให้เข้าใจ แต่คงไม่ถึงกับทำหนังสือประท้วง หากจะประท้วงคงประท้วงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า

เมื่อถามว่า มองว่า การนำเสนอเรื่องนี้ เป็นผลมาจากการใช้ล็อบบี้ยิสต์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ต้องถามพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เครื่องมืออะไรบ้าง และเขาไม่ทราบว่า เป็นฝีมือใคร เพราะมีหลายบริษัทหลายบุคคลากรที่พร้อมจะช่วยเหลือ และรับเงินพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณตามที่เขาต้องการ เราก็จะให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดโดยเฉพาะผู้สื่อข่าวต่างประเทศทั้งในไทยและในต่างประเทศ ผ่านสถานทูต ถึงสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าว จะสามารถตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของไทย

เมื่อถามว่า ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ทางประเทศกัมพูชา ได้เชิญพ.ต.ท.ทักษิณ ไปบรรยายเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาล จะดำเนินการอย่างไร กล่าวว่า เราได้เตรียมไว้แล้วเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุด ในเรื่องขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ต่อข้อถามว่า หากทางกัมพูชายืนยันจะไม่ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี โดยอ้างว่า เป็นเรื่องการเมือง จะทำอย่างไร นายกษิต กล่าวว่า ยืนยันคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีการเมือง และอำนาจสูงสุดในการตัดสินว่าเป็นคดีอะไร ขึ้นอยู่กับศาลของกัมพูชาวินิจฉัย ไม่ได้อยู่ที่สมเด็จฮุนเซน พิจารณา เพราะหากเป็นเช่นนั้นกลายเป็นรัฐบาลเผด็จการ

ทั้งนี้ เราเคารพการตัดสินใจของศาลกัมพูชา โดยจะไม่เข้าไปก้าวล่วงการพิจารณาของศาลกัมพูชา และที่สำคัญหลักปฏิบัติทั่วไปอำนาจนี้ไม่ใช่ของฝ่ายบริหารแต่เป็นอำนาจของฝ่ายกระบวนยุติธรรม

เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร ถ้ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนโดยไม่ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แสดงว่า สนธิสัญญาเป็นเพียงกระดาษ ซึ่งเราก็มีการเตรียมการไว้แล้ว ส่วนผลที่จะตามมาก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาว่า อยากให้ผลออกมาเป็นอย่างไร เราเพียงแต่มีปฎิกิริยาที่ออกมา เพราะมันเริ่มมาจากกรุงพนมเปญ เพราะเราจะระวังไม่ให้กระทบกระเทือนต่อคนทั้งสองประเทศ

“เรายืนยันตามที่นายกฯอภิสิทธิ์พูดว่า ความสัมพันธ์ของสองประเทศ ต้องมาเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว เราก็มีมาตรการตามวิวัฒนาการของเรื่อง เพราะต้องดูเหตุการณ์ไปว่าเขาจะดำเนินการอย่างไร เพราะได้เรียนสมเด็จฮุนเซนแล้วว่า ขอให้เห็นความสัมพันธุ์ของสองประเทศตัวตั้ง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ยืนยันว่าเรื่องไม่ใช่เกมส์การเมือง เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ” นายกษิต กล่าว

เมื่อถามว่า รัฐบาลประเมินท่าทีของสมเด็จฮุนเซน เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่เห็นอยู่สมเด็จฮุนเซน รักพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลเห็นว่า ไม่ควรเป็นเช่นนั้น จึงหวังว่า ทางสมเด็จฮุนเซน จะไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี

เมื่อถามว่า นานาชาติเป็นห่วง และเกรงว่าสถานการณ์ระหว่างสองประเทศจะบานปลาย นายกษิต กล่าวว่า เขาได้ชี้แจงประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดไปแล้วว่า ที่มาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไร โดยย้ำไปว่า ระหว่างสมเด็จฮุนเซ็นกับพ.ต.ท.ทักษิณ มีความสัมพันธ์บางอย่าง ซึ่งอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลรับไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

"อย่างที่นายกฯพูดไว้ว่าเกี่ยวกับบันทึกข้อตกลง(เอ็มโอยู) พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่เกิดขึ้นขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ และถึงขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปเป็นที่ปรึกษา เห็นชัดว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ เพราะคนของเราซึ่งเป็นเจ้าของ เอ็มโอยู กลับไปเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลที่ประเทศไทยต้องเจรจาด้วย ดังนั้นขอเรียกร้องพ.ต.ท.ทักษิณ คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง"

เมื่อถามว่า เกรงว่า อาเซียนจะยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องนี้แทนหรือไม่ กล่าวว่า ไม่เคยห่วง และไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะรัฐบาลดำเนินการโดยคิดถึงประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง

เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ หากครม.มีมติยกเลิกเอ็มโอยู ปี44 จะมีผลให้การทำเอ็มโอยูหมดไปทันที่หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ก็ต้องเอาเรื่องมาให้สภารับรองตามมาตรา 190 เพราะเรื่องนี้ต้องทำตามอนุสัญญากรุงเวียนนา จะตบมือข้างเดียวไม่ได้ ทุกอย่างต้องทำไปตามขั้นตอน ว่ากันที่ละเรื่อง ซึ่งเราต้องหยั่งความคิดของทางกัมพูชาด้วยว่า หากยกเลิกเอ็มโอยู จะทำอย่างไร ถ้าเขายังรักกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไทยทั้งหลายก็รับไม่ได้

ดีเอสไอสอบบทสัมภาษณ์
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เว็บไซด์ ไทม์ ออนไลท์ โดยมีข้อความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงว่า ตนได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศ และคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นในเว็บไซค์ดังกล่าวแล้ว หากมีมูลความผิดจะเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) มีมติรับเป็นคดีพิเศษเพื่อให้ดีเอสไอมีอำนาจสอบสวน ส่วนกรณีการปิดเว็บไซด์เป็นอำนาจของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทสและการสื่อสาร(ไอซีที) ซึ่งจะมีการประสานงานระหว่างกระทรวงต่อไป

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 

ASTV ผู้จัดการ News

กรุงเทพธุรกิจ - ข่าวหน้าแรก

เกาะติดสื่อ ตามข่าวร้อน Copyright © 2009 WoodMag is Designed by Ipietoon for Free Blogger Template